หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไอทีวีจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัท
(มหาชน) ที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนั่นจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ของไอทีวี
ที่จะมีเม็ดเงินเข้าเป็นเรื่องเป็นราว หลังจาก ที่ไอทีวีต้องประสบปัญหาขาดทุนมามากกว่า
3 ปีเต็ม จากการเป็นสถานีข่าว ที่ประสบความสำเร็จในด้านชื่อเสียง แต่ไม่สำเร็จในเรื่องรายได้
และนี่ก็คือ ชนวนความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเนชั่น และแบงก์ไทยพาณิชย์ ที่เป็นทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่
และเจ้าหนี้รายเดียวของไอทีวี ที่ระเบิดขึ้นมาเมื่อกลางปีที่แล้ว และตกเป็นข่าวหน้า
1 ของหนังสือพิมพ์เกือบตลอดอาทิตย์
เมื่อแบงก์ไทยพาณิชย์เพิ่งมาพบว่าเนชั่นเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นรายเดียวในจำนวน
13 รายที่ได้รับประโยชน์จากไอทีวี ได้ภาพความยิ่งใหญ่ ที่ประเมินค่าไม่ได้จากไอทีวี
ได้ทั้งภาพความน่าเกรงขาม และอิทธิพลของความ เป็นสื่อโทรทัศน์ไอทีวี ไปอย่างมากมาย
การได้รับสิทธิพิเศษจากการได้ สัมภาษณ์บุคคลสำคัญๆ ในขณะที่สื่ออื่นๆ หรือเนชั่นเองก็ไม่ได้สิทธิ์เหล่านี้
และอานิสงส์นี้ยังแผ่ไปถึง "เนชั่นนิวส์ทอล์ก" รายการคู่บุญของเนชั่น
และยังรวมไปถึงสื่อต่างๆ ของเนชั่น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ บริการออนไลน์
ในขณะที่ผู้ถือหุ้น ที่เหลืออยู่กลับไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ตอบแทนจากการลงทุนแม้แต่น้อย
! ถึงแม้ว่าภายหลังจากการระเบิดอารมณ์ของสุทธิชัย หยุ่น ที่เกิดขึ้นใน ห้องประชุมฝ่ายข่าวของไอทีวี
ในช่วงเย็นของวันที่ 28 พฤษภาคม ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายสิบฉบับเป็นเวลาถึง
3 ชั่วโมงเต็มที่ไม่พอใจกับการที่ประกิต ประทีปะเสน ที่แบงก์ไทยพาณิชย์ส่งมาแก้ปัญหาขาดทุนในไอทีวีต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารใหม่
ลดบทบาทของเนชั่นในไอทีวีลง และต้องการเพิ่มเนื้อหาบันเทิงเพิ่มขึ้นจะสงบลงในเพียงวันเดียว
ไม่มีใครเชื่อว่าภายใต้ภาพของการจับมือกันระหว่างสุทธิชัย หยุ่น และ ประกิต
ประทีปะเสน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จะเป็นการสงบศึกลงอย่างถาวร เพราะการบรรลุข้อตกลงในวันนั้น
เท่ากับว่า "เนชั่น" ไม่ได้อะไรเลยจากข้อเสนอ ที่สุทธิชัย หยุ่น
ยื่นให้กับแบงก์ไทยพาณิชย์
แต่สำหรับประกิตแล้ว บรรลุเป้าหมายแรกในการดึง "เนชั่น" ลงมาจากอำนาจการบริหารขึ้นไปเป็น
1 ในบอร์ดใหญ่ เหมือนกับผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ รูปแบบรายการก็มีการเพิ่มเนื้อหาทางด้านบันเทิงมากขึ้น
เพื่อเพิ่มรายได้จากโฆษณา
ปัญหา ที่เกิดขึ้นในไอทีวียังได้กลายเป็นจุดที่ก่อกำเนิดช่องข่าว 24 ชั่วโมงในยูบีซี
เคเบิลทีวี เมื่อสุทธิชัย บรรลุข้อตกลง ที่จะเหมาช่องของยูบีซีไปผลิตข่าว
เวลานี้เนชั่นได้ฟอร์มทีมงานขึ้นมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ค่ายต่างๆ
ที่มีจุดเริ่มคล้ายคลึงกับไอทีวีเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าสุทธิชัย หยุ่น จะรู้ดีว่ามันเป็น conflict of interest โดยตรงต่อไอทีวี
ที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ 20% ในเวลา นี้แต่เป็นหนทางเดียว ที่สุทธิชัย เนชั่น
ครอบครองสื่อในมือได้อย่างครบถ้วน ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต และทีวี
ที่จะสร้างพลังทางธุรกิจให้กับเนชั่น ได้อย่างครบถ้วน ตามชื่อของบริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย
แต่สุทธิชัย หยุ่น จะแน่ใจได้อย่างไรว่า ยูบีซี ที่เป็น 1 ช่องในเคเบิลทีวี
ที่มีฐานลูกค้าอยู่จำนวนหนึ่ง และเป็นเพียงแค่ผู้ผลิตไม่ใช่เจ้าของสถานี
จะสร้างพลังให้กับเนชั่นได้เหมือน กับการครอบครองฟรีทีวี แต่ใช่ว่าสถานีทุกช่องจะเข้าไปเป็นเจ้าของได้
โดยเฉพาะช่อง 3, 5, 7 และ 9 ที่ครอบครองโดยหน่วยงานรัฐ และเอกชน ที่ผูกขาดสัมปทานอีกหลายสิบปี
มีเพียงไอทีวีเท่านั้น หากมีเงินมากพอ ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าสุทธิชัย หยุ่น
จะยื่นข้อ เสนอขอซื้อหุ้นจากธนาคารไทยพาณิชย์
ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแบงก์ไทยพาณิชย์ ด้วยว่าจะยอมเสี่ยงกับ NPL อีกครั้งหรือไม่