|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
การควบรวมกิจการ ถูกกล่าวถึงมากขึ้นเมื่อการเปิดเสรีทางการค้า หลายบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการควบรวมต่างออกมากล่าวถึงข้อดีที่เกิดขึ้นว่าเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และบริษัทที่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพจะตายไปในที่สุดเมื่อทุนขนาดใหญ่เคลื่อนเข้ามา แต่กระนั้นก็ตามวิถีทางเลือกการควบรวมก็ยังถูกเมินจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ด้วยเหตุผลของวัฒนธรรมการดำเนินธุรกิจที่กลัวสูญเสียอำนาจในมือไป
พรมแดนการค้าที่ถูกกันโดยกำแพงภาษี กำลังถูกปลดออกในโลกของเศรษฐกิจยุคนี้ ทำให้ขีดและข้อจำกัดการทำธุรกิจระหว่างประเทศลดลง มีการเคลื่อนย้ายของแหล่งทุนจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสียในคราวเดียวกัน
การเคลื่อนที่ของแหล่งทุน ทำให้เกิดการลงทุนในประเทศนั้น ๆ และผลดีที่เกิดขึ้นคือการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นและความเป็นอยู่ของประชากรที่ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามการเข้ามาของแหล่งทุนเป็นการปิดโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กที่ศักยภาพการแข่งขันไม่อาจสู่ทุนข้ามชาติได้ ไม่ว่าจะด้วยขนาดของเงินทุน การบริหารจัดการและต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่สูงกว่า ผลสุดท้ายบริษัทที่ไม่สามารถยืนหยัดแข่งขันต่อไปได้ก็ต้องล้มหายตายจากไป
ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส บอกว่า การเปิดเสรีทางการค้าเป็นแรงกดดันหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจต้องเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ดังนั้นเทรนหนึ่งที่จะเกิดขึ้นหลังเปิดเสรีทางการค้าคือการควบรวมกิจการ ที่นอกเหนือจากการเพิ่มศักยภาพทางการผลิตแล้ว ยังก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด การเพิ่มผลิตภัณฑ์และขยายตลาด การจำกัดการแข่งขันในอุตสาหกรรม การขยายสายธุรกิจใหม่ และรวมถึงการแลกเปลี่ยนความชำนาญและทรัพยากรระหว่างกัน
การควบรวมหากสามารถจับคู่ได้ถูกตัวแล้วก็จะเกิดเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย แต่ก่อนที่จะเกิดการควบรวมทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเจรจากันก่อน และดูว่าเป้าหมายของการควบรวมกิจการที่แท้จริงคืออะไร วัฒนธรรมของทั้ง 2 องค์กรเข้ากันได้หรือไม่ และที่สำคัญเมื่อควบรวมแล้วธุรกิจที่วางไว้จะประสบความสำเร็จหรือไม่
แม้การควบรวมจะนำมาซึ่งผลดีต่อการแข่งขันทางธุรกิจก็ตาม แต่ว่ากันตามจริงแล้วเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นง่ายนัก ด้วยรูปแบบวัฒนธรรมการทำธุรกิจของคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นแบบครอบครัว ทำให้เกิดการต่อต้านที่จะมีผู้อื่นมาถือหุ้นด้วยเกรงว่า อำนาจในการบริหารจัดการจะสูญเสียไป และการแบ่งปันผลประโยชน์ ดังนั้นการควบรวมธุรกิจสำหรับประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
สิ่งสำคัญคือเรื่องของผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายที่ทำให้การเจรจาไม่อาจลุล่วงไปได้ อย่างเช่นบริษัทที่มีผลประกอบการดี ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสูงก็เหมือนดอกไม้หอมหวนที่แมลงและผีเสื้อก็อยากมาตอม แต่ถ้ามองตามจริงแล้วในเมื่อบริษัทดังกล่าวมีศัยภาพเพียงพอแล้วพันธมิตรก็อาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น หรือถ้าเข้ามาเจรจาแล้วไม่อาจสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าสนใจการควบรวมก็ไม่อาจเกิดขึ้น
เช่นเดียวกันสำหรับบริษัทที่มีดีการควบรวมกิจการก็เป็นไปได้ยาก ด้วยผลประโยชน์และข้อตกลงเมื่อร่วมทุนอาจไม่คุ้มค่า ทำให้แนวทางการเจรจาเพื่อควบรวมต้องจบไป หรือแม้แต่การเจรจาตกลงกันได้แล้วก็ตาม แต่ขั้นตอนการควบรวมอาจต้องใช่เวลานานกว่าจะเสร็จสิ้น โดยเฉพาะเรื่องของบุคลากรที่ถือเป็นปัญหาใหญ่และจบได้ยาก ในจุดนี้จะต้องมีการทำความเข้าใจก่อนซึ่งรวมถึงตัวผู้ถือหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ในยุคของการแข่งขันที่ไร้พรมแดน การเรียนรู้ที่จะอยู่รอดในโลกธุรกิจได้ไม่ใช่มองเพียงแค่เรื่องการควบรวม แต่ต้องเรียนรู้ถึงการขายกิจการที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจด้วย พิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร ปตท. บอกว่า กิจการที่ไม่ได้หรือไม่ได้สร้างประโยชน์และผลตอบแทนให้บริษัทนั้นก็ควรจะขายทิ้งไป เพราะถ้ายังเก็บไว้ก็จะกลายเป็นภาระต่อบริษัท
"ก่อนหน้านี้ ปตท.เคยเข้าไปลงทุนในธุรกิจหนึ่งที่เห็นว่ามีโอกาสดี แต่เมื่อผ่านไปเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มหรือผลตอบแทนได้สอดคล้องกับธุรกิจหลัก จึงมีการประกาศขาย ถามว่าถ้าไม่ดีแล้วขายทิ้งใครจะซื้อ แต่ความจริงก็คือธุรกิจที่เราลงทุนไปนั้นอาจไม่ดีสำหรับเรา แต่อาจดีสำหรับบริษัทอื่นก็ได้ ดังนั้นสำหรับการอยู่บนโลกธุรกิจนั้ต้องเรียนรู้รอบด้านถึงจะอยู่รอดได้"
การควบรวมกิจการอาจเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน หากว่าทั้งบริษัทที่เข้ามาผนึกกันสามารถสนองความต้องการและสร้างผลประโยชน์ให้กันและกันได้ แต่ที่ผ่านมา การควบรวมกิจการเป็นไปได้ยากด้วยวัฒนธรรมที่ไม่ยอมรับให้คนนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร แต่สำหรับอนาคตแล้วแนวโน้มดังกล่าวอาจเปลี่ยนไปเพราะการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งจะเป็นตัวบีบให้บริษัทต้องควบรวม
|
|
|
|
|