|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คาราบาวแดง ส่งลูกฮึดครั้งใหม่กระทุ้งตลาดชูกำลัง ทุ่ม 300 ล้านบาท คลอดน้องใหม่ “รุ่นเอ็กซ์โอ”กลิ่นวิสกี้ลงเซกเมนต์พรีเมียม ชูรูปแบบการกินมิกเซอร์-ออนเดอะร็อก ยึดหัวหาดสถานบันเทิง ผับ บาร์ หมายตาเจาะคอน้ำเมา เสนอราคาขายส่ง 9 บาท ชูกำไรมากกว่าผลักดันเข้ายี่ปั๊ว-ตู้แช่เชียร์สินค้า สิ้นปีแชร์เพิ่ม 35% ส่วนปีหน้าโค่นบัลลังก์ M-150 ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแชร์มากกว่า 40%
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง เปิดเผยว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 14,000 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง โดยโตได้เพียง 3-4% เท่านั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เมื่อเทียบกับช่วงปี 2546-2547 มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยผู้ประกอบการใช้งบทางการตลาดรวม 1,600 ล้านบาท จากในปี 2545 ที่มีการใช้งบ 700 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเติบโตลดลง แต่สภาพตลาดก็ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหากพิจารณา จะพบว่าเครื่องดื่มชูกำลังแต่ละยี่ห้อในตลาดมีรสชาติที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้ผู้บริโภคอาจจะไม่มีความภักดีกับผลิตภัณฑ์ จึงเป็นผลให้ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องเทงบการตลาดมากขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด บริษัทจึงมองว่าหากไม่มีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง และการนำเสนอรูปแบบการดื่มใหม่ๆ ก็ยิ่งทำให้ตลาดชะลอตัวมากกว่านี้
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “คาราบาวแดง เอ็กซ์โอ กลิ่นวิสกี้” ภายใต้สโลแกน “ขวดเดียวพอ เตรียมคอให้พร้อม” ลงสู่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเซกเมนต์พรีเมียม จำหน่ายราคา 12 บาท โดยได้ทุ่มงบลงทุนรวมราว 300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการตลาด 100 ล้านบาท เฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และอีก 200 ล้านบาท เป็นงบลงทุนด้านสต๊อกวัตถุดิบ อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทเปิดตัวสินค้าใหม่ คาดว่าจะผลักดันให้ตลาดรวมเติบโตมากกว่า 3-4%
สำหรับแผนการทำตลาด บริษัทได้วางแนวทางทำกิจกรรมผ่านสถานบันเทิง ผับ บาร์ โดยแนะนำสินค้าในรูปแบบมิกเซอร์ ออนเดอะร็อก ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ และขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่อายุระหว่าง 20-39 ปี หรือผู้ที่ชอบหรือเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน นอกจากนี้ยังได้เตรียมโรดโชว์ตามร้านหมู กระทะ เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากขึ้น รวมทั้งแจกสินค้าตัวอย่าง 2 ล้านขวด ตามย่านสีลม ,ข้าวสาร,สยาม และรัชดาฯซึ่งเป็นย่านกลุ่มคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมโรดโชว์จากขบวนพนักงาน 200 คน และหน่วยรถคาราบาวแดง 20 คัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ที่ ตลาดไท รวมทั้งยังนำเพลงใหม่ “หนุ่ม เอ็กซ์โอ ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด –คาราบาว ร่วมโปรโมตในครั้งนี้ เพื่อสร้างกระแสและโปรโมตสินค้าใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการที่เข้มงวดเครื่องดื่มชูกำลังมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ห้ามเชิญชวนให้ดื่ม โดยทำได้เพียงส่งเสริมสังคมและภาพลักษณ์ ทำให้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ในปัจจุบันทำได้ไม่เต็มที่
“บริษัทได้ทำการพัฒนาและวิจัยสินค้า 15 เดือน เพื่อพัฒนาให้คาราบาว เอ็กซ์โอแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ทั้งบรรจุภัณฑ์ที่มีสีเขียว ฉลากสีทอง-ดำ เพื่อดึงดูดสายตาผู้บริโภค ขณะที่โลโกเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อรองรับการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งในวันที่ 28 กันยายน นี้ ได้เตรียมเซ็นสัญญาเปิดตลาดกับผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกา ที่ ไบเทค ซึ่งเป็นงานที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้สินค้าใหม่บริษัทยังชูจุดขายกลิ่นวิสกี้ โดยเน้นในเรื่องของความแรง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ดื่มที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่า”
ส่วนกลยุทธ์การจัดจำหน่าย ได้ให้บริษัทเสริมสุข จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้าไปสู่ร้านค้า และผู้บริโภคทั่วประเทศ ในเบื้องต้นเพื่อผลักดันสินค้าเข้าร้านค้า ได้เสนอราคาหน้าร้านค้า 9 บาทซึ่งยี่ปั๊วจะได้กำไรที่มากกว่า นอกจากนี้เพื่อสกัดผู้บริโภคสวิสไปดื่มคาราบาวแดง เอ็กซ์โอ จึงได้เสนอขายในลักษณะต้องซื้อคาราบาวแดง ควบคู่กับคาราบาวแดง เอ็กซ์โอ รวมทั้งจัดกิจกรรมสะสมแต้มให้แก่ทางร้านค้า โดยสามารถแลกสินค้าพรีเมียมได้ฟรี
ปัจจุบันคาราบาวแดง มีส่วนแบ่ง 25% โดยหลังเปิดตัวคาราบาวแดง เอ็กซ์โอ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 35% และวางเป้าหมายจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยการครองส่วนแบ่งมากกว่า 40% ภายในปีหน้านี้ แทนที่ M -150 ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% ส่วนกระทิงแดงอันดับสองของตลาดมีส่วนแบ่ง 35% สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าโต 15% หรือมีรายได้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 10% จากการส่งออก 20 ประเทศ และภายในประเทศ 90%
|
|
|
|
|