ประมูลหุ้นทีพีไอโพลีนเงียบยื่นซองแค่ 2 ราย บริษัทรับเหมาก่อสร้างคนไทยเสนอ 17 บาทต่อหุ้น รวม 4.2 พันล้านบาท ผู้บริหารแผนฯเตรียมเสนอให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิ์ 249 ล้านหุ้นก่อนหลังประมูลต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ยันทีพีไอไม่กระทบเหตุเจ้าหนี้ต้องตัดหนี้ลง 250 ล้านเหรียญสหรัฐตามแผน คาดได้เงินขายหุ้นปลายต.ค.รวมกับเงินพันธมิตรหนุนทีพีไอออกจากแผนได้ตามกำหนด แจ้งผลการประมูลหุ้นอีกครั้ง 21 ต.ค.นี้ ส่วนบริษัทต่างชาติหมดสิทธิ์ไม่ต้องเปิดซองประมูลเหตุขาดเอกสารวางค้ำประกัน 100 ล้านบาท

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ทีมงานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI เปิดเผยว่า การยื่นซองประมูลราคาหุ้นบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ที่ TPI ถืออยู่จำนวน 249 ล้านหุ้นวานนี้ (22 ก.ย.) พบว่า มีนักลงทุนที่ให้ความสนใจยื่นซองประมูลซื้อหุ้น TPIPL เพียง 2 ราย

ในจำนวนผู้ประมูล 2 รายดังกล่าว เป็นบริษัทฝ่ายไทย 1 รายและบริษัทต่างชาติ 1 ราย ซึ่งจากการเปิดซองประมูลดังกล่าวพบว่า ผู้ประมูลที่เป็นบริษัทต่างชาติยื่นเอกสารไม่ครบ เนื่องเพราะไม่มีการวางเงินค้ำประกัน 100 ล้านบาท ส่วนผู้ประมูลที่เป็นบริษัทไทยยื่นเอกสารครบ ดังนั้นผู้บริหารแผนฯจึงได้เปิดซองเฉพาะผู้ประมูลฝ่ายไทยเพียงรายเดียว โดยได้ราคาเสนอ 17 บาท/หุ้น คิดเป็นวงเงินรวม 4,233 ล้านบาท

แต่เนื่องจากราคาประมูลซื้อหุ้นดังกล่าวต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตามแผนฟื้นฟูกิจการระบุว่า จะต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน ภายใต้ข้อกำหนดสิทธิการซื้อหุ้นก่อน ( First Right of Refusal ) โดยผู้บริหารแผนฯจะแจ้งให้เจ้าหนี้ได้รับทราบผลการประมูลอีกครั้ง หลังจากนั้นคณะกรรมการเจ้าหนี้ฯจะแจ้งผลการตัดสินใจภายในวันที่ 21 ตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิซื้อหุ้น TPIPLทั้งจำนวน 249 ล้านหุ้นก่อน โดยจะตัดหนี้ TPI ลง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขายหุ้นดังกล่าวให้ผู้ที่ชนะประมูลก็ตาม ทาง TPIจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากบริษัทฯจะได้รับการลดหนี้จากเจ้าหนี้จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ เชื่อว่าจะได้รับเงินจากการขายหุ้น TPIPL ได้ภายในปลายตุลาคมนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินที่ได้จากพันธมิตรทางธุรกิจที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน TPI ทำให้บริษัทฯสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ภายในปีนี้

ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารแผนฯได้จัดประมูลขายหุ้น TPIPL ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีออกชัน) แต่ปรากฎว่าไม่มีนักลงทุนสนใจเข้ายื่นซองประมูล ทำให้การประมูลครั้งนั้นต้องล้มไปโดยปริยาย ดังนั้นผู้บริหารแผนฯจึงได้จัดการประมูลราคาแบบปิดผนึก (Sealed Bid) เพื่อขายหุ้นTPIPL ครั้งใหม่ โดยแจ้งให้ผู้ที่เคยแสดงความสนใจเข้าร่วมประมูลราคาเพื่อขายหุ้น TPIPL ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 29 ราย และเจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินของบริษัทฯจำนวน 70-80 รายเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ โดยหวังว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูล

แหล่งข่าวจากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับบริษัทฝ่ายไทยที่ยื่นประมูลซื้อหุ้น TPIPL ในราคา 17 บาท เป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างคนไทย ซึ่งการเป็นบริษัทรับเหมานั้น ทำให้จำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์จึงได้เข้ามาร่วมประมูลด้วย ขณะที่บริษัทต่างชาติที่เข้ามายื่นเอกสารประมูลแต่ไม่ได้วางเงินค้ำประกันนั้น เป็นบริษัททำธุรกิจปูนซีเมนต์จากต่างประเทศ

วานนี้(22ก.ย.) ราคาหุ้น TPIPL ราคาเคลื่อนไหวปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 29.50 บาท ก่อนปิดที่ 28.50 บาท ลดลง 0.25 บาท (0.87%) มูลค่าการซื้อขาย 165.092 ล้านบาท ส่วนหุ้น TPI มีนักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรซื้อขายคึกคัก โดยราคา ปิดที่ 15.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (1.34%) มูลค่าการซื้อขาย 1,039.9 ล้านบาท

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองกรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากที่มีการเปิดซองประมูล TPIPL ซึ่งหากมีการส่งข้อมูลชัดเจนแล้ว โดยไม่มีข้อสงสัยซักถาม ตลาดหลักทรัพย์จะไม่ขึ้นเครื่องหมายใดๆ กับ TPIPL

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดซองประมูลโดยมีการเสนอราคาสูงสุดที่ 17 บาท ซึ่งทางผู้บริหารแผนจะต้องมีการเสนอให้กับเจ้าหนี้ก่อน โดยเชื่อว่าเจ้าหนี้จะมีการซื้อไว้เอง เพราะมีสิทธิที่จะเป็นผู้ซื้อก่อน แต่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ก็ยังคงคัดค้าน ซึ่งจะมีผลกระทบกับราคาหุ้นไม่มากนัก แต่หากศาลฯมองว่าราคาที่ 17 บาท ต่ำเกินไปก็จะไม่ให้มีการประมูลครั้งนี้

ทั้งนี้หากศาลฯไม่อนุมัติให้มีการประมูลซื้อหุ้นก็จะต้องมีการเปิดซองประมูลใหม่ หรือมีการโอนสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้

นายวรุตม์ ศิวะศิริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.โกลเบล็ก คาดว่าการประมูลหุ้นครั้งนี้จะไม่สำเร็จ เพราะว่าขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งหากผู้เข้ามาซื้อไม่มีอำนาจในการบริหารก็คาดว่าคงจะไม่สำเร็จ เพราะนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ยังคงนั่งเป็นผู้บริหาร

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPIPL กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับผลการประมูลขายหุ้น TPIPL ในวันนี้เพราะได้ราคาต่ำเกินไป ซึ่งหากเจ้าหนี้ยอมรับผลประมูลขายหุ้นในครั้งนี้ก็จะต้องยอมรับการชำระหนี้ 17 บาทและจะต้องแฮร์คัตหนี้อีก 23 บาทเศษ เช่นเดียวกันถ้าเจ้าหนี้จะรับหุ้นไปจะต้องรับหุ้น TPIPL ไปแล้วแฮร์คัตส่วนต่างที่เหลือ เท่ากับมูลค่าหุ้นของ TPIPL ล็อตนี้จะต้องอยู่ที่ 41 บาท

ทั้งนี้ตามระเบียบคือถ้าเจ้าหนี้เห็นว่ามันต่ำไป เจ้าหนี้ต้องรับ(หุ้น)ไปเองแล้วเจ้าหนี้ก็แฮร์คัตส่วนต่าง ขายล็อตนี้ราคาต้องเท่ากับ 41 บาท