ถึงแม้ว่าคองเกรสจะผ่านบทกฎหมายใหม่ The Sarbanes-Oxley Act ในเดือนกรกฎาคม
ที่เข้มงวดกับบริษัทตรวจบัญชีในสหรัฐอเมริกามากขึ้น หลังข่าวอื้อฉาวของบริษัท
Arthur Andersen LLP แต่กลับเป็นโอกาสดีของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เหลือ ในกลุ่มห้าบริษัทบัญชียักษ์ใหญ่อเมริกาและโลก
นอกเหนือจากได้ส่วนแบ่งลูกค้าเดิมของ Andersen แล้ว บริษัทลูกค้ายังพากันให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบบัญชีมากขึ้น
และยอมจ่ายค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นด้วย
กฎหมายใหม่ที่จริงไม่ได้ห้ามมากกว่าที่ตลาดหลักทรัพย์เคยห้ามอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มข้อจำกัดบทบาทของบริษัทตรวจบัญชี
คือ ถ้าบริษัทลูกค้ามีหุ้นจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์ ห้ามบริษัททำการตรวจบัญชีลูกค้ารายนั้นอยู่
ให้บริการด้านคำปรึกษาธุรกิจแก่ลูกค้าด้วย จึงทำให้ลูกค้าต้องเลือกย้ายธุรกรรมหนึ่งไปทำกับบริษัทตรวจบัญชีอื่น
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่เสียลูกค้าประเภทหนึ่งไป ก็ได้ลูกค้าที่ต้องแยกงานจากบริษัทอื่นมา
และวนเวียนในกลุ่มสี่บริษัทยักษ์ใหญ่
กฎหมายใหม่จากคองเกรสยังห้ามไม่ให้ผู้ทำการตรวจสอบบัญชีภายใน (Internal
Auditor) และตรวจสอบบัญชีภายนอก (External Auditor) เป็นรายเดียวกัน เหมือนอย่างที่
Anderson ทำให้ Enron
โดยปกติบริษัทตรวจสอบบัญชีภายในทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายวัน กำไร ขาดทุนรายรับรายจ่ายของบริษัท
ให้เป็นไปตามการสั่งการของฝ่ายบริหาร และให้รายรับรายจ่ายเหล่านั้นอยู่ในกรอบความเหมาะสมในกระแสการเงินของบริษัท
รวมถึงสร้างสินทรัพย์ให้บริษัท ฝ่ายตรวจสอบบัญชีภายในดูแลระบบและหลักการทำงานทั้งหมดให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด
โดยการหารือร่วมกับหัวหน้าทุกฝ่าย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามประโยชน์ของบริษัทมากที่สุด
ขณะที่ผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก ดูแลว่า รายงานที่ออกมานั้น มีการปกปิด เติมข้อมูลลวง
เพื่อประโยชน์ของบริษัทหรือไม่
ขณะที่กฎใหม่ของตลาดหลักทรัพย์อเมริกันซึ่งเพิ่งออกภายหลัง กลับครอบคลุมน้อยว่า
โดยเพียงแต่ระบุห้ามผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอกทำการตรวจสอบบัญชีภายในเกิน 40
เปอร์เซ็นต์ สำหรับบริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายใต้กฎหมายใหม่ บริษัทตรวจสอบบัญชีสามารถดำเนินการให้คำปรึกษา เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัทลูกค้าได้
ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากคณะกรรมการกลางตรวจสอบบัญชี ที่ตั้งขึ้นโดยคณะกรรมการบริษัท
และต้องแจ้งให้สาธารณชนทราบ การให้คำปรึกษาที่ว่า อาทิ การยื่นขอภาษีประจำปีของบริษัทคืนจากกองภาษีรายได้
หรือการช่วยบริษัทจ่ายภาษีน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้น
เชื่อว่า ทำให้คณะกรรมการอนุมัติให้ทำธุรกรรมทำนองนี้น้อยลง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ถึงกระนั้น อย่างที่กล่าวมาแล้ว บริษัทที่เสียลูกค้า ก็ได้ลูกค้ารายใหม่ที่ต้องผละบริษัทอื่นมา
และทั้งสี่รายยักษ์ใหญ่ ยังได้ลูกค้าจำนวนมากที่ผละ Andersen มาด้วย
ปัจจุบัน บริษัทตรวจบัญชีทำเงินจากการให้คำปรึกษาทางธุรกิจมากกว่าอยู่แล้ว
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทที่มีรายได้ต่อปีสูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป
จ่ายเงินค่าธรรมเนียมจำนวน 72 เปอร์เซ็นต์ ให้พวกบริษัทตรวจบัญชี ในบริการที่ไม่เกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชี
อาทิ Nextel Communication Inc จ่ายให้ Deloitte & Touche จำนวนปีละ
38.5 ล้านดอลลาร์ โดยที่ 35.9 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าบริการอื่นที่ไม่ใช่การตรวจบัญชี
Marathon Oil Corp จ่ายให้ PricewaterhouseCoopers จำนวนเงิน 50 ล้านดอลลาร์
โดยที่ 47.4 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าบริการอื่นที่ไม่ใช่การตรวจบัญชี อย่างไรก็ตาม
ประเมินว่าค่าบริการตรวจบัญชีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า
ลูกค้าเก่าของ Andersen เช่น Oracle เปลี่ยนไปใช้ Ernst & Young บริษัทอื่นๆ
ในตลาดหลักทรัพย์ต่างก็ระแวดระวังการตรวจบัญชีมากขึ้นทั้งสิ้น โดยเฉพาะบริษัทที่ทำธุรกิจที่มีรูปแบบซับซ้อนกว่าการค้าปลีกทั่วไป
เช่นบริษัทเทคโนโลยียิ่งกังวลข้อผิดพลาดทางบัญชีมากขึ้น
การล้มของ Andersen ปูทางเดินของบริษัทตรวจบัญชีอื่นทั่วโลกด้วย อาทิ ที่ออสเตรเลีย
พันธมิตรธุรกิจ 93 ราย ใน 165 ราย และพนักงาน 1,500 คน ของ Andersen ไปรวมตัวกับ
Ernst & Young โดย Anderson ที่เคยเป็นอันดับห้าของประเทศ ตกอันดับจาก
100 บริษัทบัญชียักษ์ใหญ่ ส่วน Ernst & Young ที่เป็นอันดับสี่แทน ในปีนี้มีแนวโน้มว่าจะขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในปีหน้า
หลังผลการดำเนินงานไตรมาสใหม่ที่ได้ลูกค้าของ Andersenเข้ามาจำนวนมากมาย
ความล้มเหลวของฝ่ายตรงข้ามเป็น "โอกาส" ของคู่แข่งเสมอ