บริษัทสิ้นสุด 89 ปี ในฐานะบริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นดี 1 ใน 5 ของโลก
หลังเหตุการณ์ฉาวโฉ่ กรณีร่วมรู้เห็นเป็นใจฉ้อฉล เซ็นรับรองบัญชีตบตามหาชน
ให้บริษัทค้าพลังงาน Enron จึงทำให้บริษัทต้องพักการตรวจบัญชีในสหรัฐอเมริกา
และต้องปิดทำการในหลายๆ สาขาทั่วโลก รวมถึงบริษัทพันธมิตรต่างชาติ
ที่เคยเข้าร่วมในเครือก็ค่อยๆ ถอนตัวออกไปจนหมด
และท้ายสุดถูกถอนใบอนุญาตผู้ตรวจสอบบัญชี
Andersen เริ่มล้มไม่เป็นท่า ตั้งแต่ ในช่วงต้นของการเริ่มสอบสวน เมื่อเดือนมกราคม
ซึ่งพนักงานระดับสูงของ Andersen ถือวิสาสะทำลายเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรณีบัญชี
Enron แทบทั้งหมด ถึงแม้ทาง Andersen ประกาศไล่พนักงานผู้นั้นออกทันที แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการยอมรับต่อสาธารณะ
ว่าจะต้องมีความไม่ชอบมาพากลอยู่เบื้องหลัง และท้ายสุดเหตุทำลายเอกสารเป็นเรื่องใหญ่ให้คณะกรรมการสอบสวน
ถือเป็นความผิดสำคัญ
Enron เองก็ปัดความผิดให้บริษัทผู้ตรวจบัญชีเต็มที่ โดยประกาศปลด Andersen
ออกจากฐานะผู้ตรวจบัญชีตั้งแต่เดือนมกราคม เช่นกัน ตั้งแต่ที่มีการสอบสวนเบื้องต้นของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ
ฝ่ายพลังงานและการพาณิชย์ ระบุว่านานกว่าหนึ่งปีที่ Andersen ได้ทำการปกปิดยอดขาดทุน
ของ Enron เพื่อพยุงฐานะเครดิต และราคาหุ้น โดยร่วมกันสร้างธุรกิจปลอมเพื่อสร้างยอดรายได้ลวง
ทำกำไรเป็นตัวเลขปลอมรายงานต่อมหาชนและตลาดหลักทรัพย์ ปิดบังยอดขาดทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ออกจากสมุดบัญชี
กรณีว่าทั้งสองฝ่ายต่างรู้เห็นเป็นใจกันหรือไม่นั้น จากการสอบสวนล่าสุด
เชื่อว่าฝ่ายบริหารของ Enron ร่วมมือกับ Andersen ด้วย เพื่อสร้างเลขบัญชีให้สวยเช่นนี้
โดยบางครั้ง Andersen ถึงกับร่วมใช้แผนก "พลังงาน" ของตน สร้างยอดซื้อขายลวงกับ
Enron เพื่อให้ Enron ปิดบัญชี รายงานผล มีกำไร แล้วค่อยบอกเลิกสัญญาในทีหลัง
แต่ ผู้บริหารของ Enron บางคนก็ผิดเต็มที่ ที่ยอมรับให้ Andersen กระทำเช่นนั้นทางบัญชี
Enron นั้นอับปางลง ต้องปิดสาขาธุรกิจเกือบทั้งหมด ถอนพนักงาน และอยู่ในสภาพล้มละลายอย่างที่ทราบกันแล้ว
ส่วน Andersen นอกจากเสียธุรกิจตรวจบัญชี เสียบริษัทสาขาและพนักงานจำนวนมาก
เสียบริษัทตรวจบัญชีในเครือพันธมิตรทั้งหมด เสียภาพพจน์ ถูกรัฐฟ้องร้องดำเนิน
คดีความ เพราะความเสียหายต่อตลาดหุ้น ที่กรณี Enron สร้างขึ้น จากการเซ็นตรวจบัญชีของ
Andersen รวมถึงพวกเจ้าหนี้และผู้เสียหายฟ้องร้อง ถึงกับต้องขายทอด ตลาดเครื่องใช้สำนักงาน
ต้องหยุดดำเนินธุรกิจตรวจบัญชีและอื่นๆ เป็นการชั่วคราว แต่ที่สำคัญที่สุดไม่สามารถทำธุรกิจตรวจบัญชีได้อีกต่อไป
โดยกำลังถูกรัฐต่างๆ ใน สหรัฐอเมริกาไล่ถอนใบอนุญาต
ถึงแม้ว่าการสอบสวนลงมติชัดเจนว่า Enron และ Andersen มีความผิดตาม ข้อกล่าวหา
แต่การรับผิดเป็นการให้ปาก คำของฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่บางคน ในระดับบริษัท
ไม่มีด้านใดยอมรับผิดเลย โดย Andersen บอกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูง ของ Enron
เป็นฝ่ายเตือนให้ Andersen ทราบถึงข้อวิตกของการหมกบัญชี off books ของ Enron
แต่ทาง Andersen อยากทำงานกับ Enron ต่อไป เพราะมีรายได้มากถึงปีละ 100 ล้านดอลลาร์
และ เชื่อว่าบริษัทสามารถจัดการกับความเสี่ยง ที่ Enron สร้างได้
เช่นในวันที่ 30 สิงหาคม Andersen ได้ออกสเตทเมนท์แจ้งข้อตกลงประนี ประนอม
ระหว่าง Andersen Worldwide S.C. และ the Enron Bankruptcy Parties ซึ่งประกอบด้วย
Enron Corp และกลุ่มคณะกรรมการ เจ้าหนี้ ผู้ฟ้องร้อง Andersen Worldwide
และบริษัทในเครือทั้งอดีตและปัจจุบัน แต่ข้อตกลงนี้ยกเว้นกับ Arthur Andersen
LLP ซึ่งเป็นบริษัทสหรัฐที่ก่อเหตุโดยตรง
ข้อตกลงย้ำว่า Andersen ไม่เคยยอมรับข้อกล่าวหาใดๆ และไม่ได้กระทำผิดใดๆ
ทั้งสิ้น เพียงแต่ทุกฝ่ายได้พยายามจะตกลงกันให้ได้ อย่างไรก็ตาม การปิดคดีนั้น
ยังไม่สามารถทำได้กับกรณีของ Arthur Andersen LLP บริษัทสหรัฐฯ
ข้อตกลงที่ทำกับบริษัทอื่นๆ คือ บริษัทแม่และบริษัทที่เหลือไม่ยอมรับผิดใดๆ
ที่ก่อขึ้นโดย Enron แต่บริษัทจะยอมจ่ายเงินให้ 19.95 ล้านดอลลาร์ ให้แก่กลุ่มจัดการล้มละลายของ
Enron เพื่อให้ Enron ปล่อย Andersen Worldwide S.C. และบริษัทใน ครัว รวมทั้งพันธมิตรธุรกิจทั้งหมดและลูกจ้าง
ออกจากข้อกล่าวหาอย่างสิ้นเชิง
เงินจำนวนนี้ Enron และคณะกรรมการเจ้าหนี้จะนำไปทำแผนแจกจ่ายเจ้าหนี้ หรือใช้ในการดำเนินกิจการ
ตามกฎหมายล้มละลายมาตรา 11
ถ้าเปรียบเทียบการพนัน Andersen ซึ่งเล่นได้มาตลอดเกม ด้วย "เชิงยุทธ์"
ไม่ใช่ ด้วย "ดวง" กลับ "ดวงตก" พลาดเสียการพนันเพียงแค่เกมเดียว ถึงขั้นเทหน้าตักหมดตัว
หลังแพ้คดีความกับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ศาลเมืองฮิวสตั้น รัฐเท็กซัส ในเดือนมิถุนายน
Andersen ถูกสั่งห้ามจากการเซ็นตรวจบัญชีบริษัทในตลาดหุ้นตลอดไป ทำให้ Andersen
เสียธุรกิจทั้งหมดในทันที จากยอดพนักงาน 85,000 คน ทั่วโลก ตอนนี้ Andersen
มีพนักงานเหลืออยู่เพียงไม่ถึง 3,000 คน พันธมิตรธุรกิจต่างเดินออกไปจนหมดสิ้น
และต้องปิดสำนักงานสาขาส่วนใหญ่
กระทั่ง บริษัทประกาศหยุดธุรกิจตรวจบัญชีบริษัทมหาชนที่ทำมานานถึง 89 ปี
ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม แต่ยังตรวจบัญชีบริษัทเอกชนต่อไป
ในวันที่ 26 กันยายน ศาลแคลิฟอร์เนียสั่งถอนใบอนุญาตของบริษัท Arthur Andersen
LLP ในการประกอบกิจการในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่บริษัทเองได้สมัครใจที่จะหยุดดำเนินกิจการทั้งหมดในรัฐนี้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
Andersen ตอนนี้ต้องปิดแผนกอื่นๆ เหลือเพียงแผนกหนึ่งทางกฎหมาย และยังเปิดเผยอนาคตไม่ได้
ในวันที่ 2 ตุลาคม มีการประมูลขายอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน ในสาขา Andersen
ที่ชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองที่กำเนิดของบริษัท โดยมีการจัดแสดงสินค้าที่ขายทั้ง
18 ชั้น ในตึก และเปิดขายกันถึง 3 วัน สินค้าที่ขาย อาทิ เครื่องอัดวิดีโออย่างดีรุ่น
Sony U-Matic SP ประมูลขายได้ที่ราคา 200 เหรียญ
ผู้สื่อข่าวที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ ตั้งข้อสังเกตได้ดีว่า ขณะที่เครื่องใช้สำนักงาน
เครื่องไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์นักบริหารถูกนำมาประมูลขายทั้งหมด แต่น่าแปลกใจ
ที่ "เครื่องทำลายเอกสาร" ไม่มีการนำมาวางขาย!!!
ของที่นำมาขายนับพันชิ้น อาทิ โต๊ะ พนักงานต้อนรับในล็อบบี้บริษัทตัวยาว
ยี่ห้อ Herman Miller เครื่องพรินเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ ตู้เอกสาร
อุปกรณ์ห้องอาหาร ส่วนภาพเขียนและงานศิลปะนั้นมีการจัดประมูลแยกออกไป แต่
Andersen บอกว่าหวังทำเงินจากการประมูลเพียงน้อยนิดเท่านั้น
นักบัญชีและพนักงานบริษัทบัญชีอื่นๆ ต่างพากันมามองหาอุปกรณ์ไปใช้งาน และมาแสดงความ
"สมน้ำหน้า" เพราะธุรกิจตรวจบัญชีที่ทำเงินมหาศาลนั้น ขับเคี่ยวกันน่าดูในสมรภูมิ
จึงไม่มีใครแสดง ความเห็นใจ
บทเรียนจาก Andersen ตีความได้สองทิศทาง หนึ่งคือทำธุรกิจไม่ซื่ออาจถึงจุดจบอย่างง่ายดาย
สองคือ ก่อนถูกจับ ได้ อาจอยู่รุ่งเรืองนานหลายสิบปีอย่างสุขสันต์และอิ่มพี