ปตท.พร้อมใส่เงินเพิ่มทุนทีพีไอราว 2 หมื่นล้านในทีพีไอ แต่ต้องแน่ใจได้บริหารทีพีไอ ด้านผู้บริหารแผนระบุไม่ขยายเวลาแผนฟื้นฟูและควรจะได้รับการยืนยันจากปตท.และพันธมิตรว่าจะชำระเงินค่าหุ้น 4 พ.ย.ก่อน ส่วน"ประชัย" เผยกำลังรอดราฟต์เงินสดจากพันมิตรมาวางค้ำฯ เพื่อดึงผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามา ด้านตลาดหุ้นไทยทะยาน บวก 14 จุด หรือ 2% หลังราคาน้ำมันตลาดโลกขยับขึ้น ส่วนทิศทางเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลนักลงทุนลุยหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปตท.สผ. บวกวันเดียวกว่า 5%
นายพิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่ศาลล้มละลายกลางไม่เห็นชอบให้ผู้บริหารแผนฯของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI แต่งตั้งกรรมการใหม่ในบริษัทได้ ว่า ปตท.จะใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอ 30% ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทหากบรรลุตามข้อตกลงที่ลงนามใน MOU ซึ่งเชื่อว่าผู้บริหารแผนฯทีพีไอคงหาทางออกในเรื่องดังกล่าวอยู่
ส่วนกรณีที่จะให้ปตท.ใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอก่อนที่บริษัทฯจะออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการนั้น นายพิชัย กล่าวว่า โดยทั่วไปปตท.จะลงทุนถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯใดก็ต้องเข้าไปบริหารกิจการได้ แต่เท่าที่ทราบ หากทีพีไอออกจากการฟื้นฟูกิจการ ผู้บริหารแผนฯจะต้องส่งมอบกิจการคืนให้ผู้บริหารลูกหนี้ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งในการแต่งตั้งกรรมการบริษัทใหม่ ทำให้ช่วงเวลาก่อนที่จะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นฯนั้น ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร และเป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าเป็นความเสี่ยงที่ ปตท.ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าหุ้นก่อนจนกว่าจะมั่นใจว่าจะได้เข้าไปบริหารจัดการ
“ ปัจจุบันเจ้าหนี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75%ของทีพีไอ ก็ยังไม่สามารถเข้ามาดำเนินการทีพีไอได้ แล้วจะให้ปตท.เข้าไปเสี่ยงใส่เงินก่อน โดยไม่รู้ว่าจะเข้าไปบริหารจัดการได้เมื่อไร ดังนั้นเรายืนยันคงจะทำตามเงื่อนไขMOU “
นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีนี้ มูลค่าทีพีไอได้เพิ่มสูงขึ้น โดยปีที่แล้ว ทีพีไอมีกำไรสุทธิ 12,284.13ล้านบาท และปีนี้คาดว่าทีพีไอจะมีกำไรใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยช่วงระยะเวลาดังกล่าวทีพีไอไม่มีการชำระหนี้เงินกู้เลย ทำให้มูลค่าทีพีไอดีขึ้น ดังนั้นหากพ้นกำหนดวันที่ 4 พ.ย. 2548 ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการฯ โดยผู้บริหารแผนฯยังไม่สามารถชำระหนี้ตามแผนฯได้ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะซื้อหุ้นทีพีไอทั้งหมดได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าหนี้อาจไม่จำเป็นต้องขายหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรทางธุรกิจก็ได้ เพราะมูลค่าทีพีไอดีขึ้นกว่าในอดีตมาก
“กรณีทีพีไอเป็นเคสที่หนักใจ จะถอยก็ลำบาก จะเดินหน้าก็ลำบาก เพราะติดขัดในด้านกฎหมายเยอะมาก แต่เชื่อว่าในช่วง 4 พ.ย.น่าจะเห็นทางออกได้ “
นายพิชัย กล่าวว่า การควบรวมระหว่าง บริษัทไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)หรือ TOC บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)หรือ NPC จะควบรวมเสร็จอย่างเป็นทางการในอีก 2 เดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้เจ้าหนี้อนุมัติแล้วจึงจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น
TPIยังไม่มีแผนขยายเวลาฟื้นฟูฯ
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอดราฟต์เงินสดจากพันธมิตรมาวางค้ำประกันกับเจ้าหนี้ต่อศาลฯ เพื่อจะให้ TPI ได้รับสิทธิ์ในการนำผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามาได้ ส่วนพันธมิตรเป็นใครนั้นขณะนี้ยังไม่อยากจะเปิดเผย สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการน่าจะเดินหน้าต่อไปได้
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ หนึ่งในคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ให้สัมภาษณ์ผ่านรอยเตอร์ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องขอขยายเวลาในการฟื้นฟูกิจการ แม้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการชำระค่าหุ้นจาก บมจ.ปตท. หรือ PTT ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ของบริษัท
ทั้งนี้ ยังคงแผนการนำ TPI ออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายในสิ้นธ.ค.48 โดยขณะที่เรื่องการแปลงนี้เป็นทุนตามแผนจะสามารถลดหนี้ได้ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ และต้องยกเลิกแผนการจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย และหาก TPI ต้องแปลงหนี้เป็นทุน หุ้นที่เพิ่มทุนใหม่ทั้งหมด ก็จะต้องโอนให้กับเจ้าหนี้ของบริษัท ซึ่งรวมถึงหุ้นในส่วนที่จะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย
นอกจากนี้ผู้บริหารแผนฯทีพีไอยังระบุว่า พันธมิตรใหม่ TPI ซึ่งประกอบด้วย บมจ.ปตท. ธ.ออมสิน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบบ.) น่าจะยืนยันการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน TPI ก่อนวันที่ 4 พ.ย.ซึ่งเป็นวันที่กำหนดชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน รวมถึงในส่วนของหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิมด้วย
ทั้งนี้หากไม่มีการเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามขั้นตอน ก็จะต้องให้เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนเพื่อนำเงินมาชำระ
หุ้นพลังงานดันดัชนี
ด้านภาวะการลงทุนวานนี้(20 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดหลังราคาน้ำมันในตลาดโลกขยับขึ้น 4 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 723.16 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ 2 % สูงสุดในรอบ 6 เดือน มูลค่าการซื้อขาย 21,865.46 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันปรับขึ้นยกแผงดันดัชนีกลุ่มพลังงานปิดที่ 15,187.14 จุด เพิ่มขึ้น 562.35 จุด หรือ 3.85% มูลค่าการซื้อขาย 5,480.91 ล้านบาท รวมถึงมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มธนาคารจากการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าน่าจะปรับขึ้น 0.25% นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,420.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 500.71 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,919.73 ล้านบาท หุ้นปตท.สผ ราคาปิดที่ 472 บาท เพิ่มขึ้น 24 บาท (5.36%) มูลค่า 1,573 ล้านบาท หุ้นปตท. ราคาปิดที่ 248 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท (4.20%) มูลค่าการซื้อขาย 1,826.60 ล้านบาท, หุ้นไทยออยล์ ราคาปิดที่ 73.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (3.52%) มูลค่าการซื้อขาย 1,147.43 ล้านบาท ส่วนหุ้น TPI ราคาปิดที่ 15.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 3.42% มูลค่าการซื้อขาย 2,068.48 ล้านบาท
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี กล่าวว่า ทิศทางดัชนีในวันนี้ คาดว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นต่อ เนื่องจากยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานต่อ ประกอบกับข่าวดีทางจิตวิทยาการลงทุนเกี่ยวกับตัวเลขการขาดดุลการค้าเกินดุลกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ให้แนวรับ ที่ 712-713 จุด แนวต้านให้ไว้ที่ 732 จุด
|