เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ฯหวนคืนตลาดหุ้น วันนี้(20 ก.ย.) เข้าซื้อขายในหมวดปกติภายใต้ชื่อ "KC" พร้อมเร่งยอดโอนบ้านให้ลูกค้าภายในสิ้นปีอีก 1,100 ล้านบาท ด้านปริญสิริฯ ยันเข้าตลาดหุ้นแน่ แต่ขอมอนิเตอร์หุ้นกฟผ.อย่างใกล้ชิด ขณะที่ยอดขายโครงการแต่ละเดือนยังไม่ตก เร่งงานก่อสร้างเพื่อโอนบ้านให้ลูกค้า ช่วงปลายปีให้ได้อีก 300 หลัง เฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุมัติอย่างเป็น ทางการจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2548 ให้เข้าเปิดทำ การซื้อขายอีกครั้งในหมวดอสังหาริมทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ตั้งแต่วันนี้ (20 ก.ย.) ภายใต้ชื่อย่อว่า "KC"
โดยที่ผ่านมาบริษัทฯมีผล การดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นับตั้งแต่กลุ่ม เค.ซี. ได้เข้ามาลงทุน ในบริษัท โมเดอร์น โฮม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปลายปี 2546 สะท้อนได้จากผลกำไรอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส เริ่มต้นตั้งแต่ในไตรมาส 4 ของ ปี 2546 และตลอดปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานหลักรวมทั้งสิ้น 132.08 ล้านบาท และ 932.77 ล้านบาท ตามลำดับ และ มีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษจำนวน 16.51 ล้านบาท และ 223.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12.49% และ 23.90% ของรายได้รวม ตามลำดับ
ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 584.97 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 104.71 ล้านบาท คิดเป็น 17.90% ของรายได้รวม ทั้งนี้ในปีนี้ บริษัทได้ทยอย เปิดโครงการไปทั้งสิ้นจำนวน 8 โครงการ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 บริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,000 ล้านบาท จำนวน 5,780 ยูนิต โดยเป็นมูลค่าที่ขายแล้วรอการส่งมอบจำนวน ทั้งสิ้นประมาณ 1,130 ล้านบาท
สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ ได้แก่ "เค.ซี. คัตเตอร์วงแหวน- หทัยราษฎร์" เป็นทาวน์เฮาส์ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30 ไร่ มีทั้งสิ้น 340 ยูนิต โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9 แสนบาท-1.7 ล้านบาท โครงการนี้มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ใช้เวลาในการก่อสร้างคาดว่าน่าจะไม่เกิน 4 ปี ส่วนอีกโครงการจะเริ่มเปิดโครงการในเดือนต.ค.นี้ ใช้ชื่อโครงการว่า "เค.ซี. คัตเตอร์ รามอินทรา" เป็นทาวน์เฮาส์แบ่งออกเป็น 4 เฟส มีจำนวนยูนิตที่มากถึง 1,800 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 140 ไร่ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8.2 แสนบาท-1.3 ล้านบาท
ในส่วนโครงสร้างรายได้ในปีนี้ จะเป็นรายได้จากการขายบ้านและทาวน์เฮาส์เป็นหลัก และรายได้จากการรับก่อสร้างโครงการบางส่วน โดยสิ้นปีนี้ จะมียอดขายจากบ้านเดี่ยวประมาณ 60% และจากยอดขายทาวน์เฮาส์ 40% ส่วนในปีหน้ารายได้จากบ้านเดี่ยวน่าจะเพิ่มเป็น 65% และทาวน์เฮาส์ลดลงเป็น 35% เนื่องจากโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่โดยมากเป็นโครงการบ้านเดี่ยว
นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า บริษัทยังไม่ล้มเลิกแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น ซึ่งตลอดเวลาได้มีการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน โดยนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะที่กระทรวงการคลังจะไม่ต่อมาตรการหลังสิ้นสุดมาตรการปีนี้ จากเดิม 25% เพิ่มเป็น 30% แล้ว การวิเคราะห์หุ้นมาร์เกตแคปขนาดใหญ่อย่าง บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมเข้าตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาประมวลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อหุ้นของบริษัทปริญสิริฯ
ด้านการขายของบริษัทฯ ยังคงเติบโตและไม่สะดุด เนื่องจากเป็นผลของการปรับแนวธุรกิจในช่วงปลายปี 2547 ที่หันมาทำตลาดจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางมากขึ้น ส่งผลให้การไหลเข้าของยอดจองเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยขณะนี้มีมูลค่าการขายแล้ว 3,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าคือ 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังเร่งงานก่อสร้างและตรวจคุณภาพบ้านก่อนที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า ซึ่งภายในสิ้นปีจะมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท หรือจำนวน 200-300 หลัง เฉลี่ยราคาขายอยู่ที่ 3-4 ล้านบาท
ปัจจุบันโครงการที่บริษัทฯพัฒนาจะมีอยู่4 แบรนด์ ได้แก่ 1.สิริทาวารา บ้านเดี่ยวระดับบนพรีเมียม ราคาตั้งแต่ 14 ล้านบาทขึ้นไป, 2.ปริญ-สิริ บ้านเดี่ยว ราคา 8-14 ล้านบาท, 3.ปริญญดา บ้านเดี่ยวราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ปริญลักษณ์ ราคา 2-5 ล้านบาท โดยบริษัทมีโครงการที่เปิดการขายและโครงการต่อเนื่องรวมมูลค่า 4,997 ล้านบาท จำนวน 924 หน่วย แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่ารวม 3,988 ล้านบาท 614 หน่วยและโครงการ ทาวน์เฮาส์ 1,009 ล้านบาท รวม 310 หน่วย
"ภายในเดือนพ.ย.นี้ จะมีการสรุปแผนที่แน่ชัดเพื่อกำหนดทิศทางของปี 2549 ว่าจะมุ่งและมีการตลาดเชิงรุกอย่างไรบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ปีนี้ตั้งเป้าอัตราเติบโตของบริษัทไว้ที่ 15%"
นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการ ที่ร่วมทุนกับบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด ว่า ได้เริ่มก่อสร้างโครงการอยู่ ซึ่งจะอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ บนเนื้อที่ 40-50 ไร่ ราคาระหว่าง 2-8 ล้านบาท อาทิ บ้านเดี่ยว 4-7 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2-4 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางกลุ่มยูนิเวนเจอร์ฯกำลังเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อซื้อทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ)ประเภทที่ดินเปล่า ทั้งในโซนสุวรรณภูมิและทำเลอื่น เพื่อมารองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
|