ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง แม่แหล็กดึงนักท่องเที่ยวไทย เพิ่มทางเลือกให้นักชอปฯไทย หลังซาร์สสิ้นฤทธิ์ในปี 2546 คาดนักท่องเที่ยวไทยปีนี้ขนเงินท่องเที่ยวและใช้จ่ายในฮ่องกงกว่า 8 พันล้านบาท อัตราการเพิ่มนักท่องเที่ยวไทยกว่า 24% จากปีที่ผ่านมา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ฮ่องกง เป็นเมืองท่องเที่ยวและสวรรค์ของนักชอปฯที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คงมีเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 ที่การท่องเที่ยวฮ่องกงถดถอยลงอย่างรุนแรง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่เกื้อหนุนการ เติบโตด้านการท่องเที่ยวของฮ่องกง คือ นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปยังฮ่องกง
นอกจากนี้ ฮ่องกงยังมีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าไปยังฮ่องกง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ คือ ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง ซึ่งได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา และคาดว่าจะกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของฮ่องกงให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกว่า 5.6 ล้านคนในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคนภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
นักท่องเที่ยวคนไทย นับเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวของฮ่องกง โดยจากข้อมูลการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ในปี 2547 มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังฮ่องกงจำนวน 238,827 คน เพิ่มขึ้น 59.6% จากปี 2546 และมีสัดส่วนคิดเป็น 9.2% ของตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศของไทย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 2,595,021 คน เพิ่มขึ้น 29.4% จากปี 2546
เมื่อพิจารณาในด้านการใช้จ่ายประเภทต่างๆ ของนักท่องเที่ยวคนไทยระหว่างที่พำนักท่องเที่ยวอยู่ในฮ่องกงพบว่า นักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวฮ่องกงในปี 2547 ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 4,979 บาทต่อวัน โดยใช้เวลาพำนักอยู่ในฮ่องกงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.75 วัน ทำให้โดยรวมแล้วในปี 2547 ประเทศไทยสูญเสีย เงินตราออกนอกประเทศอันเนื่องมาจากการใช้จ่ายในฮ่องกงของนักท่องเที่ยวคนไทยรวมทั้งสิ้น คิดเป็นมูลค่า 6,837 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกต ว่า นักท่องเที่ยวคนไทยใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งเป็นเมืองปลอดภาษีด้วย สัดส่วนที่สูงใกล้เคียงกัน คือ 34.6% และ 34.5% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวคนไทยในประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวคนไทยในต่างประเทศแล้วพบว่า อันดับ 1 คือ มาเลเซีย รองลงมา คือ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่นตามลำดับ โดยในปี 2547 นักท่องเที่ยวคนไทยใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในฮ่องกงคิดเป็นมูลค่า 2,359 ล้านบาท มีสัดส่วนคิดเป็น 9% ของมูลค่าการซื้อสินค้าทั้งหมดของนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศในปี 2547 ซึ่งมีมูลค่ารวม 25,886 ล้านบาท
ในปี 2548 จากข้อมูลของ ททท.พบว่ามีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 โดยในเดือนมกราคมมีจำนวน 212,368 คน เพิ่มขึ้น 8.1% เดือนกุมภาพันธ์มีจำนวน 207,220 คน เพิ่มขึ้น 13.3% และเดือนมีนาคมมีจำนวน 280,646 คนเพิ่มขึ้น 17.1% โดยรวมแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 มีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 700,234 คน เพิ่มขึ้น 13.1% จากปี 2546 ช่วงเดียวกัน
ขณะที่ข้อมูลของการท่องเที่ยวฮ่องกง ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังฮ่องกงเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 10,978,048 คน เพิ่มขึ้น 9.6% จากปีที่แล้วช่วงเดียวกันที่มีจำนวน 10,012,618 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือ 54% เป็นนักท่องเที่ยวจีนจากแผ่นดินใหญ่จำนวน 5,883,791 คน เพิ่มขึ้น 4% สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปยังฮ่องกงในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 เพิ่มขึ้น 26.6% จากปี 2547 ช่วงเดียวกัน
ดังนั้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 จึงมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังฮ่องกงเพิ่มขึ้นประมาณ 25% เป็นประมาณ 75,000 คน ทำให้โดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังฮ่องกงรวมทั้งสิ้น 137,116 คน เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2546 ช่วงเดียว กันที่มีจำนวน 108,241 คน
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องมาจากครึ่งปีแรก แม้มีปัจจัยลบหลายประการที่บั่นทอนการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนในส่วนน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่ หยุดยั้ง ทำให้กำลังซื้อโดยรวมในระบบเศรษฐกิจ ถดถอยลง ประชาชนต่างประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นรวมทั้งรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้ตลาดท่องเที่ยวระหว่างประเทศของไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 2548 ได้แก่ 1.การแข่งขันของสายการบินที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเส้นทางบินระยะสั้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ เอื้อต่อการท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย 2.ประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวในเอเชียใช้วิกฤตสึนามิเป็นโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศไทย รวมทั้งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยที่หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเที่ยว ในแถบอันดามัน ด้วยการจัดแพกเกจราคาถูกพิเศษดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 3.การเปิดดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง มีแนวโน้มส่งผลกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคนไทยในกลุ่มครอบครัวเดินทางไปยังฮ่องกงเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงปิดภาคการศึกษา ของไทย และช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ด้วยปัจจัยที่เกื้อหนุนดังกล่าว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่าการเดินทางไปฮ่องกงของนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2548 จะมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรากว่า 20% เป็นประมาณ 158,000 คน ทำให้โดยรวมตลอดทั้งปี 2548 มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังฮ่องกงประมาณ 295,116 คนเพิ่มขึ้น 24% จากปี 2547 และจากการใช้จ่าย ด้านต่างๆ ในฮ่องกงของนักท่องเที่ยวคนไทย ก่อให้เกิดการรั่วไหลของเงินตราออกนอกประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26%
|