|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานภาวะตลาดเงินในรอบในสัปดาห์นี้ (19-23 กันยายน 2548) ว่า ตลาดเงินคงจะจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 20 กันยายน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า เฟดคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาอยู่ที่ 3.75% ด้วยความเป็นไปได้มากกว่า 80% ขณะที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้คาดว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากจากกรอบความเคลื่อนไหว ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับค่าเงินบาท อาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 40.90-41.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาด คงจะให้น้ำหนักกับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันอังคาร ซึ่งถ้ารายงานภายหลังการประชุมดังกล่าว ยังส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่อ ก็อาจช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯขึ้นเมื่อ เทียบกับเงินสกุลหลัก และเงินบาทได้ ขณะที่ทิศทางของเงินยูโร/ดอลลาร์ฯคงจะผันแปรตามผลการเลือกตั้งช่วงสุดสัปดาห์ในเยอรมนี
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทต่อดอลลาร์ฯ เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตามอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยในวันจันทร์ เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากวันศุกร์ สอดคล้องกับการแข็งค่าขึ้นของเงินเยน ที่ได้รับปัจจัยบวกจากผลการเลือกตั้งช่วงสุดสัปดาห์ในญี่ปุ่นที่นำชัยชนะมาสู่พรรคเสรีประชาธิปไตย อย่างท่วมท้น อย่างไรก็ตาม เงินบาทปรับตัวมาเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เมื่อตลาดตอบสนองต่อการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ทางการเงินระดับสูงของสหรัฐฯว่าผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจากพายุเฮอริเคนแคทรีนา น่าจะเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราว และต่อการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯคงจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย มาตรฐานอย่างต่อเนื่องในการประชุมนโยบายการเงินช่วงสัปดาห์ถัดไป ซึ่งช่วยหนุนเงินดอลลาร์ฯ ขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เงินสกุลภูมิภาค และเงินบาท
สำหรับในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน เงินบาทมีค่าเฉลี่ยที่ 40.970 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 40.990 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหน้า
ส่วนของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ค่อนข้างทรงตัว โดยการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ ล็อตที่ 2 อายุ 5 ปี จำนวน 5 พันล้านบาท และการตัดจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องเปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 3.10-3.30% โดยอัตรากลาง (Mode)ปรับตัวแคบๆ ระหว่าง 3.17-3.18% ทรงตัวต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ปิดทรง ตัวตลอดสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 3.1875% ขณะที่ประเภท 7 วัน ปิดปรับตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.21875% ในวันศุกร์เทียบกับ 3.25% ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ประเภทอายุ 5 ปี (TH5YY) ปิดที่ 4.90% ในวันศุกร์ เร่งขึ้นจาก 4.67% ในวันศุกร์ที่แล้ว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี (US10YY) ปิดที่ 4.228% ในวันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้นจาก 4.13% เมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยยังเร่งตัว สูงขึ้นต่อเนื่องในประเภทระยะปานกลาง และระยะ ยาว โดยบรรยากาศการซื้อขายยังถูกกระทบจากการคาดการณ์ของนักลงทุนถึงแนวโน้มขาขึ้นในอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการไทย ขณะที่ความต้องการ ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำให้อัตราผลตอบแทนระยะสั้นปรับลดลงในบางประเภทอายุ
ด้านตลาดพันธบัตรสหรัฐฯนั้น อัตราผลตอบแทนระยะยาวค่อนข้างผันผวน โดยในวันจันทร์ อัตราผลตอบแทนปรับขึ้น จากความกังวลต่อเศรษฐกิจ ที่ผ่อนคลายลงหลังราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัว รวมทั้งจาก ถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาดัลลัสที่สนับสนุนการคาดการณ์ว่าเฟดคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในการประชุมวันที่ 20 กันยายน แต่อัตราผลตอบแทนได้ลดลงในวันอังคาร หลังอัตราเงินเฟ้อทางด้านผู้ผลิตไม่เร่งขึ้นมากในเดือนสิงหาคม
|
|
|
|
|