Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 ตุลาคม 2545
บัตรเครดิตหนุนยอดใช้จ่าย กสิกรฯคาดปี'46ศก.โต3%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

   
search resources

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก.
Credit Card




ศูนย์วิจัยกสิกรชี้จีดีพีปี 46 โต 3% หลังรวมปัจจัยความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสงครามอิรัก-สหรัฐฯ ในระยะไม่เกิน 6 เดือน ระบุการใช้จ่ายในประเทศยังเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญคิดเป็น 55% ของจีดีพี โดยเฉพาะในระดับรากหญ้า และบัตรเครดิตที่เบ่งบานขยายตัวรวดเร็ว

นายเชาว์ เก่งชน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกร ไทย จำกัดเปิดเผยว่าศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2546 จะขยายตัวประมาณ 3% จากในช่วงปี 2545 ซึ่งได้ประมาณการเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณ 3.8% ซึ่ง มีการปรับเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการเดิม 3.0-3.6% โดยมีการ ชะลอตัวมากกว่าปีนี้เล็กน้อย เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของสงครามที่จะเกิดขึ้นระหว่างอิรักและสหรัฐอเมริกา ซึ่งอัตราการขยาย ตัวของเศรษฐกิจไทยที่ประมาณการไว้ 3% จะนับรวมปัจจัยของสงครามเกิดขึ้นด้วย แต่จะต้องอยู่ในระยะเวลาที่สั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือน

สำหรับตัวเลขประมาณการอื่นนั้นมีแนวโน้ม ที่จะขยายตัวเพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกและการนำเข้า จะมีการส่งออกขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2 %และการนำเข้าก็จะขยายตัวระดับใกล้ เคียงกัน ดังนั้นเชื่อว่าประเทศไทยยังมีการเกินดุล การค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด เนื่องจากมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจการให้บริการ การท่องเที่ยวน่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว จากนโยบาย ของรัฐบาลที่ตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวใหม่

สาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังเติบโต เนื่องจากการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยมีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย สังเกตุได้จากการใช้จ่ายภายในประเทศมีประมาณ 55 %ของจีดีพี จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรือลดลงได้อีกระดับหนึ่ง นอก จากนี้ยังเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการใช้จ่าย ภายในประเทศ โครงการเศรษฐกิจรากหญ้า อัตราการ ใช้จ่ายบัตรเครดิต โดยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แบ่งเป็น บัตรเครดิตของสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 30% และบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงินเพิ่มขึ้นสูงถึง 200%

จากตัวเลขของการเพิ่มขึ้นบัตรเครดิตนั้น ทำให้หลายฝ่ายกำลังเป็นหว่งว่าบัตรเครดิตจะส่งผลให้เกิดปัญหาฟองสบู่แตก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังมองว่าไม่น่าที่จะเกิดขึ้นรวดเร็ว เนื่องจากพิจารณา ถึงตัวเลขการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทั้งระบบแล้วมีอยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายทั้งหมดภายในประเทศประมาณ 2.5 ล้านๆ บาทต่อเดือน

ส่วนตัวเลขของการนำเข้าที่จะมีผลต่อจีดีพีมีอยู่ประมาณ 20-30% ที่เหลือจะมาจากการลงทุนซึ่งมีแนวโน้มที่จะขยายตัวจากการลงทุนภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำหรับ ด้านสินเชื่อยังคงมีการขยายตัวแต่ไม่อยู่ในอัตราที่สูงมากนัก คงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2545 เนื่อง จากสถาบันการเงินยังมีปัญหาในเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อ ให้เกิดรายได้ที่ยังแก้ไขไม่จบสิ้นเชื่อว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปีที่จะแก้ไขให้อยู่ในระดับที่ปกติได้ นอก จากนี้ในปีหน้าอาจจะเกิดภาวะสงครามทำให้นักลง ทุนไม่มีความมั่นใจต่อการลงทุน

ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจในปี 2546คือราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากการคาดว่าเกิดสงครามระหว่างอิรักและสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มีการเปรียบเทียบไว้ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เชีย ราคาน้ำมันปกติอยู่ที่ระดับ 17 เหรียญต่อบาร์เรล เกิด ส่งครามราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 26-27 เหรียญต่อบาร์ เรล ทำให้เกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกาอัตราการขยายตัวลดลงต่อเนื่อง ช่วงปี 1989 ขยายตัว 3.5% และปี 1990 ขยายตัวเหลือ 1.8% ปี 1991 เศรษฐกิจอเมริกาติดลบถึง 0.5%

ส่วนผลกระทบในประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากสงครามอย่างมาก โดยหลายฝ่ายมองว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พอหลังเกิดสงคราม เศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 5.5% หลังจากนั้นก็ลดลงจนกระทั้งติดลบมากถึง 2.5% ประเทศไทยก็ได้รับผล กระทบโดยเศรษฐกิจของประเทศจากเดิมที่ขยายตัว 13% ลดลงเหลือ 11% และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่แตก จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทย

ปัจจัยเสี่ยงเรื่องของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพของเศรษฐกิจและค่าเงินในภูมิภาค โดยประเทศไทยยังมีหนี้สาธารณะจำนวน ที่สูงอยู่ ขณะนี้ประมาณ 2.9 ล้านล้านบาทคือเป็น 58% ของจีดีพี คาดว่าในปี 2549 จะเพิ่มขึ้นถึง 3.9 ล้านล้านบาท จากการรับภาระของกองทุนฟื้นฟู และปัจจัย เสี่ยงเรื่องเสถียรภาพทางด้านการเมืองไทย

จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 1 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบกับดุลการค้าของประเทศลดลงถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาร 1 หมื่นกว่าล้านบาท กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% และ ที่สำคัญกระทบต่อการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของ ประเทศลดลงถึง 0.2-0.4%

ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2546 ใน หมวดอาหารยังคงเป็นมีแนวโน้มดีถึงแม้ว่าจะเกิดสงครามก็ตาม เพราะเป็นกลุ่มที่ประชาชนทั่วโลกต้องบริโภค เช่น ข้าว ยางพารา โดยกลุ่มดังกล่าวยังมีความเสี่ยงเรื่องของการแข่งขันที่มีผู้ผลิตมาก คุณภาพของสินค้า และปัญหาของสารตกค้างที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือ กุ้งและไก่ ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ยังมีปัญหาในทางลบคือ กลุ่มสิ่งทอ ที่มีปัญหาเรื่องค่า แรงที่สูง หมวดท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ที่กังวลจะเกิดสงคราม แต่รัฐบาลได้ประกาศว่ามีมาตรการรองรับแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us