|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"พาณิชย์"เพิ่มบัญชีสินค้าดูแลอีก 30 รายการ เริ่มบังคับ 1 ต.ค.นี้ สกัดพ่อค้าขูดรีดผู้บริโภค ขู่หากใครตุกติกจะเริ่มบังคับทันที แถมยัดบัญชีควบคุมด้วย เตรียมปล่อยผีสินค้าขึ้นราคาหลังพ้นช่วงขอความร่วมมือตรึงราคา 30 ก.ย.นี้ เพราะจะไม่ขอความร่วมมืออีก แต่มีเงื่อนไขต้องแจ้งต้นทุนย้อนหลัง 2 ปี งบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และรายการซื้อวัตถุดิบประกอบ สั่งจับตาผักขึ้นราคาหลังน้ำท่วม และใกล้เทศกาลกินเจ
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เพิ่มรายการสินค้าติดตามดูแลสถานการณ์ราคาใกล้ชิดอีก 30 รายการ จาก 120 รายการ เป็น 150 รายการ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2548 เป็นต้นไป เนื่องจากพบว่าสินค้าบางรายการมีการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างมากและมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นมากตั้งแต่ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่บางรายการสินค้ามีแนวโน้มราคาสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ย. จึงจำเป็นต้องนำเข้ามาเป็นสินค้าที่ต้องติดตามดูแล เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชน
"มีการพิจารณาแล้วเห็นว่าสินค้าทั้ง 30 รายการ มีความจำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน และมีความอ่อนไหวด้านราคาค่อนข้างสูง กรมฯ จึงได้ขอติดตามดูแลเพิ่มเติม โดยจากนี้ไป กรมฯ จะออกไปตรวจสอบและหากพบว่ามีสินค้าใดที่ฉวยโอกาสปรับราคาขึ้นก่อนวันที่ 1 ต.ค. กรมฯ จะขอให้เป็นสินค้าที่ติดตามดูแลทันที และหากยังพบว่าผู้ประกอบการไม่ให้ความร่วมมือก็จะพิจารณาจัดให้อยู่ในรายการสินค้าควบคุมเพิ่มเติมจากเดิมที่มี 26 รายการก็ได้" นายศิริพลกล่าว
สำหรับสินค้า 30 รายการ ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ดังนี้ หมวดอาหารสด 4 รายการ ได้แก่ เส้นก๋วยเกี่ยวสด กุ้งขาว ปลานิล ปลาทูนึ่ง หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 7 รายการ ได้แก่ เครื่องดื่มรสชอกโกแลตปรุงสำเร็จชนิดน้ำและผง ครีมเทียม ซอยหอยนางรม เครื่องปรุงแต่งรสอาหารสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่มบรรจุภาชนะผนึก แป้งมันสำปะหลัง และเกลือ หมวดของใช้ประจำวัน 6 รายการ ได้แก่ ครีมบำรุงผิว ครีมหรือน้ำยาเปลี่ยนสีหรือย้อมเส้นผม ครีมนวดผม ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือดับกลิ่น โฟมล้างหน้า น้ำยาหรือครีมเคลือบเงารองเท้า หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2 รายการ ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น และเครื่องเป่าผม หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง 2 รายการ ได้แก่ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และผ้าเบรค หมวดวัสดุก่อสร้าง 5 รายการ ได้แก่ แผ่นยิบซั่ม แผ่นฉนวนกันความร้อน หิน ทราย คอนกรีตผสมเสร็จ และหมวดทั่วไป 4 รายการ ได้แก่ โฟมบรรจุอาหาร แบตเตอรี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม
นายศิริพลกล่าวว่า ส่วนมาตรการในการกำกับดูแล 150 สินค้านั้น กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้แจ้งกรมฯ ทราบ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงราคา ขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้า ดิสเค้าต์สโตร์ให้แจ้งกรมฯ หากผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) เปลี่ยนแปลงราคา การจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจราคาสินค้าทุกวันสำหรับเขตกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดให้รายงานสถานการณ์สัปดาห์ละครั้ง ขณะเดียวกัน กรมฯ จะนำสินค้าทั้ง 150 รายการ มาจัดทำบัญชีในการติดตามดูแลแต่ละเดือนด้วย
"ยอมรับว่าสินค้าใน 30 รายการ มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อบ้าง แต่ที่กรมฯ นำมาดูแลใกล้ชิดไม่ใช่เพื่อต้องการดึงเงินเฟ้อลงมา เพราะมันคนละส่วน แต่ที่ทำเพื่อช่วยดูแลผู้บริโภค"นายศิริพลกล่าว
นายศิริพลกล่าวว่า กรณีที่มาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้ กรมฯ จะไม่มีมาตรการตรึงราคาอีก แต่หากผู้ประกอบการรายใดต้องการปรับราคาสินค้า จะต้องยื่นหลักฐานแสดงต้นทุนย้อนหลัง 2 ปี รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ เช่น บัญชีกำไรขาดทุน บัญชีรายการซื้อวัตถุดิบหรือนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อประกอบการพิจารณาปรับขึ้นราคา ซึ่งหากกรมฯ ไม่อนุมัติ ก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้
ส่วนสินค้า 18 รายการที่ขอปรับราคามาก่อนหน้านี้ กรมฯ ยังไม่ได้พิจารณาให้สินค้ารายใดปรับราคา เนื่องจากเอกสารหลักฐานต้นทุนไม่สมบูรณ์ และอยู่ระหว่างขอเอกสารเพิ่มเติม
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค. 2548 กรมการค้าภายใน ได้ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ทั่วประเทศ จำนวน 320,127 ราย มีการดำเนินคดี 302 ราย รวมเป็นเงินค่าปรับ 370,200 บาท
นายกรณรงค์ ฤทธิ์ฤาชัย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในจังหวัด เฝ้าดูแลและติดตามการเคลื่อนไหวด้านปริมาณและราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดภาวะชะงักและเกิดการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า จากการที่ผลผลิตได้รับความเสียหายจากภาวะฝนตก น้ำท่วม และเข้าเทศกาลกินเจ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 3 ต.ค.นี้ ที่เป็นช่วงที่มีความต้องการผักสดสูงกว่าช่วงปกติ 30%
"ขณะนี้ กลุ่มผักทุกตัวมีราคาดีขึ้น แต่บางตัวราคาโด่งเกินไป และยิ่งมาได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอีก บางรายการราคาอาจขยับขึ้นเฉลี่ย 15-20% จากปีก่อน ซึ่งกรมฯ จะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด"นายกรณรงค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาวะราคาสินค้าเกษตรโดยทั่วไป เช่น ผักกาดหอม ผักบุ้งจีน ราคาเพิ่มขึ้นเร็วมาก 4-5 บาท/กก./วัน ขณะที่สินค้าอื่นๆ ราคายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น ไข่ไก่เบอร์ 3 ราคาฟองละ 2.30-2.40 บาท สุกรมีชีวิตกก.ละ 40-47 บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคากก.ละ 40-45 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กก.ละ 5-5.40 บาท สูงกว่าปีก่อนที่กก.ละ 4.49 บาท มะนาวแป้นขึ้นจากราคาลูกละ 1 บาท เป็น 1.75-2 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ สินค้าเกษตรที่มีการติดตามดูแล 53 สินค้าในเดือนก.ย.2548 ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มที่ต้องมีการดูแลและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหรือต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา เนื่องจากอยู่ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด (Monitor List) มี 11 รายการ คือ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง มะนาว ไก่เนื้อ ไข่ไก่ และกุ้ง 2.กลุ่มที่ต้องเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์เพื่อการเตือนภัย ซึ่งเป็นสินค้าที่กำลังจะออกสู่ตลาด และคาดว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นในระยะต่อไป (Caution List) จำนวน 3 รายการ คือปาล์มน้ำมัน กระเทียม เกลือทะเล 3.กลุ่มสินค้าที่มีการติดตามสถานการณ์ตามปกติ(Watch List)จำนวน 39 รายการ อาทิ มันสำปะหลัง มะพร้าว รำข้าว ชา กาแฟ มะขามเปียก ไหม ส้ม สับปะรด พริก ปลาน้ำจืด โคเนื้อ สุกร เป็นต้น
|
|
|
|
|