Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 ตุลาคม 2545
TFB จับลูกค้าเอสเอ็มอีกับรายย่อย หวังเพิ่มมาเก็ตแชร์ด้านบัตรเครดิต             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
SMEs




แบงก์กสิกรไทย จับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีและรายย่อยเป็นหลักคาดปีหน้าสินเชื่อเอสเอ็มอีโต 5-6% จากปีนี้ที่โต 4% ระบุยังมีช่องทางขยายอีกมากเพราะธุรกิจของไทย 95% เป็นเอสเอ็มอีและรัฐบาลสนับสนุน ด้านสินเชื่อรายย่อยจะเน้นบัตรเครดิตและเดบิต ทวงความเป็น หนึ่งปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มบัตรเครดิตเป็น 4 แสนใบมาเกตแชร์ 18% จากเดิมมาร์เก็ตแชร์ 13% บัตรเดบิตเพิ่มอีก 3 แสนใบ

นายเดวิท เฮนเดร็ก รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า แผนการขยายสินเชื่อรายย่อยใน ปีหน้า ธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อ ประเภทไม่มีหลักประกันโดยเฉพาะบัตรเครดิต และบัตรเดบิตซึ่งถือเป็นแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง

ธนาคารตั้งเป้าขยายบัตรเครดิตในปีหน้าประมาณ 4 แสนบัตรจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.5 แสนบัตร และบัตรเดบิตในปีหน้าขยายอีก 3 แสนบัตรจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 3 แสนบัตร

ทั้งนี้ ธนาคารจะใช้วิธีให้ลูกค้าเงินฝากหันมาใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทั้งบัตรเครดิต, บัตรเดบิต และสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าภายใน 2-3 ปีจะมีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของบัตรเครดิตประมาณ 18% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 13% หรืออยู่ในอันดับ 3

นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนที่จะปรับลดฐานเงินเดือนผู้ขอมีบัตรเครดิตต่ำกว่า 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ต้องให้ข้อมูลของศูนย์บัตรเครดิต หรือเครดิตบูโร มีความน่าเชื่อถือรวมทั้งระบบการบริหารความเสี่ยงของธนาคารมีระบบที่ดีมากยิ่งขึ้น

"ภายในปีหน้าการขยายสินเชื่อรายย่อยในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกธนาคารจะมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เพราะจะทำให้ธนาคารมีรายได้ทั้งจากดอกเบี้ยและรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น"

ขณะนี้ มีการปล่อยสินเชื่อคงค้างทั้งหมดประมาณ 4 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยในปีนี้ธนาคารมีเป้าหมายของการเติบโตสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ประมาณ 4% มั่นใจว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายแน่นอน

เพราะขณะนี้ธนาคารสามารถ ปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีไปได้แล้ว กว่า 3% สำหรับในปีหน้า ธนาคารจะคงเน้นให้ความสำคัญกับสินเชื่อ เอสเอ็มอีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อ ดังกล่าวได้ขยายตัวในปีหน้า 5-6% สาเหตุที่ธนาคารให้ความสำคัญกับสินเชื่อเอสเอ็มอี เนื่องจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจหลักของประเทศ โดยคาดว่าสัดส่วน 95% ของธุรกิจในประเทศไทยเป็นธุรกิจ ประเภทเอสเอ็มอี ดังนั้นเชื่อว่า จะมีความต้องการสินเชื่ออีกจำนวน มาก

นอกจากนี้ ธุรกิจดังกล่าว ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย สำหรับสินเชื่อรายย่อยของธนาคารนั้น คิดเป็นยอดคงค้างในขณะนี้ประมาณ 1.7 แสนล้านบาทจากสินเชื่อทั้งหมด 4 แสนล้าน โดย ธนาคารจะมุ่งเน้นสินเชื่อประเภทบัตรเครดิตบัตรเดบิต และสินเชื่อเพื่อการบริโภคหรือสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งในปีหน้าธนาคารมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนบัตรเดบิตอีกประมาณ 3 แสนใบ จากเดิมที่มีฐานบัตรอยู่แล้วประมาณ 1 แสนใบ

สำหรับบัตรเครดิตนั้น ธนา-คารมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนบัตรอีกประมาณ 3.5 แสนใบใน ปีหน้า จากเดิมที่มีฐานบัตรเครดิตประมาณ 4 แสนใบ ในปีหน้าธนาคารจะเริ่มกลับเข้ามาบุกตลาดบัตรเครดิตอีกครั้งหนึ่ง จากเดิม ที่เคยเป็นหนึ่งทางด้านบัตรเครดิตและขณะนี้ธนาคารมีมาส่วนแบ่งตลาดของบัตรเครดิตประมาณ 13% หรือคิดเป็นอันดับ 3-4 ของระบบ

ชี้ผลดำเนินงาน Q3 ดีกว่าปีก่อนสินเชื่อเพิ่ม

นายธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย (TFB) กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารในไตรมาส 3 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส เดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายสินเชื่อในช่วง 8 เดือนเริ่มเป็นบวก ประกอบกับหนี้เสียของธนาคาร (เอ็นพีแอล) ลดลง

"ผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่จะออกมาน่าจะดีขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการที่ธนาคารมีการขยายสินเชื่อที่เป็นบวก ซึ่งกิดจากมีพนักงานขายตรงที่เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น รวมทั้งอัตราการเพิ่มของ เอ็นพีแอลก็ลดลงด้วย"

ดังนั้น คาดว่าในปีหน้าจะสามารถเพิ่มมาร์เกตแชร์เป็น 18% ได้แน่นอนโดยส่วนใหญ่ธนาคารเน้นหาลูกค้าจากลูกค้าเงินฝากของ ธนาคารที่มีอยู่จำนวนกว่า 5 ล้านบัญชี และจะใช้ลักษณะของการ ขายตรง ให้ทั้งพนักงานและเซลส์จากบริษัทอื่นๆ ส่วนโครงการต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการเพิ่มจำนวนบัตรของธนาคารจะมีอย่างต่อเนื่อง

และในปีหน้าธนาคารจะมีการทบทวนถึงเงื่อนไขของการทำบัตรเครดิตอีกครั้งหนึ่งอาจจะมีการปรับเงื่อนไขของเงินเดือน ขั้นต่ำจากเดิมที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่ ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ลดลงเป็น 1 หมื่นบาท หรือจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องขอพิจารณาดูเครดิตบูโร ก่อนว่าจะมีระบบป้องกันความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนรวมทั้งระบบป้องกันความเสี่ยง ภายในของธนาคารด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us