"หมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" เจ้ากระทรวงไอซีทีใหม่เอี่ยม ถอดด้ามทั้งกระทรวงทั้งคน
เครื่องร้อน ประกาศล้มร่างกรอบแปรสัญญาโทรคมนาคมของทีดีอาร์ไอและจุฬาฯ ชี้สาเหตุที่ผ่านมาร่างกรอบแปรสัญญามีจุดบกพร่อง
ดันทางเลือกใหม่กรอบที่ 3 ประสานแนวคิดภาครัฐ เอกชนและประชาชน ภายใน 3 เดือน
พร้อมวาง 3 นโยบายหลักผลักดัน เทคโนโลยีสารสนเทศ สร้างสังคมการเรียนรู้ สร้างรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
และส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เน้นพัฒนาควบคู่ระหว่างเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมต้องเดินควบคู่กัน
แถมเตรียมสัมภาษณ์ 9 แคนดิเดตว่าที่ปลัดกระทรวงไอซีที
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีและ การสื่อสารเปิดเผยนโยบายเร่งด่วน
หลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่านโยบาย หลักที่ต้องเร่งดำเนินการ คือพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม
เดินหน้าควบคู่กัน ที่ผ่านมา 2 เรื่องนี้ ไม่ได้ถูกดำเนินการควบคู่กัน ทั้งๆ
ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อตนเข้ามารับผิดชอบงานนี้ จึงต้องเชื่อมโยงความสำคัญทั้ง 2
เรื่องนี้เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านโทรคมนาคม เน้นสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น
สำหรับ การแข่งขันเสรี รวมทั้งการผลักดันการขยายบริการสู่คนท้องถิ่นให้มากที่สุด
สิ่งที่ต้องเร่งรีบที่สุดคือ การแปรสัญญาโทรคมนาคม ให้ได้ หลังจากที่ผ่านมา
ไม่มีการตัดสินใจดำเนิน การก่อให้เกิดความล่าช้า จนเป็นประเด็นถกเถียง กันวงกว้างถึงการสูญเสียผลประโยชน์ประเทศชาติ
โดยการแปรสัญญาโทรคมนาคมจะวางกรอบใหม่ใหม่ภายในเวลา 3 เดือน หรือไม่เกิน
ธันวาคม เพื่อเป็นทางเลือกที่ 3
แทนที่ร่างกรอบของมูลนิธิวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และร่างกรอบของสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เนื่องจากมีจุดบกพร่องหลายด้าน เป็นที่มาของความขัดแย้ง แม้ว่าจะมีข้อดีแต่ละร่างก็ตาม
โดยจะนำเฉพาะข้อดีมาอยู่ในร่าง กรอบใหม่ "หมอเลี้ยบ" ยันต้องการให้มีทางเลือกที่
3
"ผมอยากให้มีกรอบที่ 3 เกิดขึ้น เพื่อเป็น ทางเลือกใหม่ โดยจะไม่มีการจ้างที่ปรึกษาอีกแล้ว
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้ดำเนินการผ่าน มาแล้ว โดยมี 2 หน่วยงาน
ทั้งทีดีอาร์ไอและจุฬาฯ แต่ไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จได้ ซึ่งกรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้น
จะระดมความคิดระหว่าง ฝ่ายรัฐ ทั้งการสื่อสารแห่งประเทศไทย ทศท คอร์ปอเรชั่น
บริษัทเอกชน และประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมช่วยกันสร้างกรอบใหม่ เพื่อให้เกิด
แนวทางการแข่งขันที่เป็นธรรม"
กระทบแปรรูปทศท.-กสท.
นอกจากนี้ การแปรสัญญาโทรคมนาคม ยังมีผลต่อความมั่นใจการกระจายหุ้นบริษัท
ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และการสื่อสารแห่งประเทศ (กสท.) เนื่องจากนักลงทุนรอการ
พิจารณาผลที่เกิดจากการแปรสัญญาโทรคมนาคมว่าจะมีผลในแง่บวก หรือแง่ลบมากน้อยเพียงไร
ซึ่งหมายความว่าหากไม่มีกรอบการ แปรสัญญาโทรคมนาคม ย่อมมีผลต่อการกระจายหุ้นของทั้ง
2 หน่วยอย่างแน่นอน ขณะนี้จึงต้องรีบทำให้กรอบที่ 3 เป็นรูปธรรมเร็ว ที่สุด
เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อระยะเวลาที่ล่าข้าของการกระจายหุ้น ที่ต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
รวมทั้งปัจจัยตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ไม่อยู่ใน ภาวะที่ดีมากนัก หากเร่งรีบนำทั้ง
2 หน่วยงานจดทะเบียน อาจส่งผลเสียต่อราคาหุ้นที่ขายให้ประชาชน และความมั่นใจ
ของนักลงทุนด้วย พัฒนาเทคโนโลยี 3 แนว
สำหรับนโยบายทางด้านเทคโนโลยี มีแนว ทางพัฒนา 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1. การสร้างสังคมการเรียนรู้
ต้องอาศัยหน่วยงานในสังกัดกระทรวง เพื่อลดช่องว่าทางสังคมที่เกิดขึ้นปัจจุบัน
สิ่งที่จะเห็นเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด คือการเร่งขยายโทรศัพท์ และอินเทอร์
เน็ต ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งแหล่งที่เป็นการศึกษา และ นอกแหล่งการศึกษา
2. พัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมา
เป็นลักษณะต่างคนต่างใช้ระบบสารสนเทศ ของตนเอง ขาดการเชื่อมต่อข้อมูลซึ่งกัน
และกัน ทำให้การทำงานประสานงานเป็นไปอย่างล่าช้า เรื่องนี้ รัฐบาลจะตั้งศูนย์กลางเพื่อปฏิบัติการรวบ
รวมระบบสารสนเทศของภาครัฐทั้งหมดขึ้น
นอกจากนี้ ยังเร่งการพัฒนาระหว่างหน่วย งานรัฐกับภาคเอกชน ในลักษณะวันสต็อปเซอร์วิส
หรือบริการจุดเดียว ให้เกิดขึ้นให้ได้ โดย เฉพาะการทำธุรกรรมของภาคเอกชนกับหน่วยงานต่างๆ
ของภาครัฐ ให้สะดวก และรวดเร็วที่สุด รวมทั้งการพัฒนาอี-โพรเคียวเมนต์ หรือการจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยปราศจากขั้นตอนที่ต้องผ่านตัวบุคคลตัดสินใจ
และก่อให้เกิดการทุจริตเช่นอดีต และระหว่างหน่วยงานรัฐ กับประชาชนกระทรวงจะเร่งการทำบัตรประชาชน
อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทุกหน่วยงานรัฐได้
3. ส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ จะตั้งคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
ลักษณะเช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยจะมุ่งเน้นพัฒนา
ศักยภาพบุคลากรที่ยังขาดแคลนปัจจุบัน พร้อม กับส่งเสริมธุรกิจซอฟต์แวร์ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาการส่งเสริม ธุรกิจโลคัลแบรนด์ หรือยี่ห้อท้องถิ่นให้เข้มแข็ง
มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันไทยถือเป็น ประเทศผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์อันดับ
2 ของโลก การ ผลักดันผู้ผลิตให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ย่อมเป็นผลประโยชน์ชาติที่จะได้รับ
"กระทรวงไอซีทีนี้นับเป็นกระทรวงที่ถูกคาดหวังอย่างมากว่าจะมีบทบาทพัฒนาประเทศ
ที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวต่อเนื่อง ซึ่งจุดนี้ทำให้ เราต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าพร้อมจะเข้ามาทำงาน
จริง เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยให้ เกิดขึ้น"
"รวมทั้งเรื่องที่ถูกมองว่าเป็นกระทรวงที่ มีผลประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจมาก
เมื่อผมรับ ผิดชอบหน้าที่นี้ ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าให้ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ
และประชาชนเป็นหลัก ดังนั้นนโยบายของผมคือ ต้องทำงานด้วยความสุจริต และถือเป็นนโยบาย
ที่ทุกหน่วยงานในกระทรวงใหม่แห่งนี้ ต้องมีไว้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถที่จะผลักดันการทำงานตามแนวทางที่วางไว้ได้"
9 คนชิงดำปลัดฯไอซีที
ด้านการจัดการโครงสร้างภายในกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขณะนี้อยู่
ระหว่างการพิจารณาสัมภาษณ์ผู้เหมาะสม 9 ราย ที่สมัครตำแหน่งปลัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
นายแพทย์สุรพงษ์ จะสัมภาษณ์ด้วย ตนเอง เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อการทำงานภายในกระทรวงอย่างมาก
คาดว่าจะสามารถพิจารณาให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนี้ รวมทั้งเร่งตั้งกรมใหม่อีก
3 กรม ตามแผนที่วางไว้ สิ่ง เหล่านี้ต้องเร่งรีบทำงานเร็วที่สุด เพื่อให้กระทรวง
สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ