โครงการชอปปิ้ง สตรีท เป็นความฝันของคน ไทยและคนเมืองหลวง ที่จะสร้างให้กรุงเทพฯโดยเฉพาะในย่านสี่แยกปทุมวันไปจนถึงถนนสุขุมวิท
เป็นศูนย์กลางการชอปปิ้งของเอเชีย เนื่องเพราะบริเวณดังกล่าวมีศูนย์การค้า
และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่เปิดให้บริการเรียงรายไปตามสองข้างถนน และที่สำคัญจะมีโครงการใหญ่ระดับประเทศ
ที่จะเปิดให้บริการในปลายปี 2548 คือ โครงการสยามพารากอน ที่จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยดึงนักท่อง
เที่ยวให้เดินทางมาชอปปิ้งในกรุงเทพฯมากขึ้น
โครงการสยามพารากอน จะมีส่วนช่วยพัฒนาศูนย์กลางการชอปปิ้งของไทยได้หรือไม่
โครงการสยามพารากอน มีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน คือ ศูนย์การค้าและแหล่งชอปปิ้งสมบูรณ์แบบ
ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท และในส่วนของโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
อีกประมาณ 4,000 ล้านบาท และเมื่อพิจารณารวมกับ 2 ศูนย์การค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว
คือ สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ เท่ากับว่าเรากำลังทำแผนพัฒนาเมืองเล็กๆขึ้นมาใจกลางมหานคร
ซึ่งวัตถุประสงค์หลักไม่ได้ต้องการทำโครงการเพื่อแข่งขันกับโครงการที่มีอยู่แล้วในกทม.
แต่เป้าหมายสูงสุดของเราคือต้องการสร้างภาพลักษณ์ของโครงการขนาดใหญ่ ที่จะไปแข่งขันกับฮ่องกง
สิงคโปร์ ซึ่งเป็นเค้กก้อนใหม่ที่สยามพารากอนจะมีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาที่เมืองไทย
ที่มาแล้วได้ทุกสิ่งทุกอย่างครบถ้วน
มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจจะเข้ามาเปิดร้านมากไหม
ตอนนี้มีสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำทั้งของไทยและต่างชาติเข้ามาจองพื้นที่มากกว่า
1,000 ราย แต่เรามีพื้นที่ให้แค่ 400 รายเท่านั้น ซึ่งมีบางรายขอเช่า พื้นที่เพื่อเปิดขายสินค้าใหม่ที่ยังไม่เคยนำเข้ามาขาย
ในไทยมาก่อน โดยบินเข้ามาติดต่อขอเช่าพื้นที่โดย ตรงที่บริษัท ซึ่งเป็นนิมิตหมายดีที่ความเชื่อมั่นของ
ชาวต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทยมีมากและกล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุน โดยสิ้นเดือนตุลาคมนี้ก็จะหาผู้เช่าได้ครบทั้งหมด
โครงการนี้เน้นที่ความแตกต่างหรือความใหญ่
ในส่วนของศูนย์การค้าจะมีร้านค้าชั้นนำที่เป็น สุดยอดของโลกมาเปิด และเป็นศูนย์กลางอัญมณีและนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ซึ่งสินค้าประเภทอัญมณี เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก ที่แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้ออัญมณีของไทยเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
ซึ่งโครงการนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวหาสินค้าได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น และยังมีส่วนของสินค้าไทย
บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร รวมทั้งศูนย์การรับประทานที่ครบครันที่สุดด้วย
หลังจากโครงการนี้เสร็จแล้ว โฉมหน้าของโครงการชอปปิ้ง สตรีท จะเป็นอย่างไร
เราประสานงานกับรัฐบาล เพื่อโปรโมตชอปปิ้ง สตรีท ให้เหมือนกับสิงคโปร์
ที่มีออร์ชาร์จ โรด, ฮ่องกง มีนาธาน โรด หรือมีเซ็นทรัล ในขณะที่มาเลเซีย
มีเคแอลซีที เราอยากให้รัฐบาลโปรโมต ตั้งแต่สี่แยกปทุมวันไปจนถึงเอ็มโพเรียม
เพราะว่าย่านนี้มีแหล่งชอปปิ้งมากมายไม่แพ้ต่างประเทศ มีรถไฟฟ้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว
ได้ตลอดสาย เชื่อว่าถ้าโปรโมตดีๆ พร้อมกับความ ร่วมแรงร่วมใจของผู้ประกอบการศูนย์การค้า
และการประชาสัมพันธ์ไปในต่างประเทศภายใต้แผนงาน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เชื่อว่าโครงการชอปปิ้ง สตรีท จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
แล้วสยามพารากอน มีแผนจะโปรโมตอย่างไรบ้าง
สยามพารากอน จะเปิดให้บริการในปี 2548 เราได้เตรียมแผนงานโปรโมตไปในต่างประเทศด้วย
สื่อโฆษณา โดยได้ว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ในเอเชีย เพื่อโปรโมตในกลุ่มเอเชียก่อน
ทั้งในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และยุโรป และร่วมมือกับททท. เผยแพร่สยามพารากอนออกไปยังประเทศต่างๆ
ซึ่งเราเตรียมงบประมาณเป็นเงินจำนวนมากเพื่อจะทำให้โครงการนี้เป็นที่รับรู้ของคนทั่วโลก
จะแข่งขันกับฮ่องกง และสิงคโปร์ได้หรือไม่
เรามั่นใจจะแข่งขันได้อย่างแน่นอน เพราะว่าตอนนี้ชาวต่างชาติมองเห็นประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่ดีกว่ามาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ และตอนนี้เรามีโอกาสทัดเทียมฮ่องกง เพราะว่าค่าครองชีพของไทยถูกกว่า
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศไทย มีสถานที่เที่ยวมากมาย ซึ่งโอกาสของการลงทุนในเมืองไทยต้องถือว่าเป็นดาวรุ่ง
และรัฐบาลก็สนับ สนุนอยู่แล้ว ซึ่งหากใช้เวลาโปรโมตอีกสัก 3 ปี การท่องเที่ยวของไทยจะเป็นหนึ่งในเอเชียได้อย่างแน่นอน