พันธมิตรคู่แท้ " ไทยธนาคาร" กับมิลเลียไลฟ์อินชัวรันส์ประเทศไทย มีอายุครบขวบปีพอดิบพอดี หลังจับคู่พันธมิตรแบงแอก์แอสชัวรันส์หรือขายกรมธรรม์ผ่านสาขาแบงก์

การถือหุ้นไขว้กันระหว่าง 2 พันธมิตร ทำให้การขายกรมธรรม์กลายเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว โดยไทยธนาคารจะขายประกันชีวิตให้กับมิลเลียฯและมิลเลียฯก็จะขายผ่านแบงก์นี้แบงก์เดียว

ส่วนหนึ่งเพราะมองว่า เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ที่ทั้งแบงก์และประกันชีวิตมักจะมองแต่ผลดีที่จะเกิดกับตัวเองเท่านั้น แต่ข้อเสียระยะยาวคือความสัมพันธ์มักไม่ยั่งยืน สู้แบบผูกสัมพันธ์กับพันธมิตรรายเดียวจะดีกว่า

การขายกรมธรรม์เริ่มต้นปีแรก ด้วยสินค้าออมทรัพย์ระยะสั้น ผ่านช่องทาง ไดเร็คเมล์ ก่อนจะปรับเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มเกษียณวัยหรือ "เกษียณสำราญ" ที่เน้นขายผ่านสาขาแบงก์ช่วงขึ้นปีที่ 2

คุณสมบัติของกรมธรรม์นี้คือเรื่องการยืดหยุ่นในการรับเงินครบกำหนดตามสัญญา ที่มีให้เลือก 3 วิธี คือรับเงินคืนครั้งเดียว 150% ของทุนประกัน ณ สิ้นปีที่อายุ 60 ปี หรือรับเงิน 10-70% ของเงินครบกำหนด ณ อายุ 60 ปี หลังจากนั้นรับเงินรายปีๆละเท่าๆกันของเงินครบกำหนดที่เหลือเป็นเวลา 10 ปี พร้อมดอกเบี้ย หรือจะรับเงิน 10-70% ของเงินครบกำหนดอายุ 60 ปี หลังจากนั้นรับเงินรายเดือนๆละเท่าๆกันของเงินครบกำหนดที่เหลือเป็นเวลา 5 ปี พร้อมดอกเบี้ย
กรมธรรม์นี้จะช่วยกำหนดแผนการใช้จ่ายเงินที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ณ ขณะนั้นได้

"เกษียณสำราญ" เหมาะสำหรับผู้วางแผนเงินออมไว้ใมช้จ่ายในยามเกษียณและต้องการความคุ้มครองในช่วงเวลาที่ออม ด้วยอายุรับประกันตั้งแต่ 20-50 ปี ระยะเวลาคุ้มครองจนถึงอายุ 60 ปี
ระยะเวลาชำระเบี้ยจนถึงอายุ 55 ปี ทุนประกันขั้นต่ำ 100,000 บาท รับผลประโยชน์รวมสูงสุด175% ของทุนประกัน โดยมีความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 150% ของทุนประกัน

ในกรณีที่ผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จะได้รับเงินคืน 5% ของทุนประกัน ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่อายุ 55,56 57 58 และ 59 รวม 5 ครั้งเท่ากับ 25%ของทุนประกัน

ผู้บริหารบอกว่า ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ธุรกิจประกันชีวิตจึงหันกลับมาเน้นความคุ้มครองมากกว่าสินค้าให้ผลตอบแทนสูงเหมือนสินค้าออมทรัพย์ระยะสั้น

นอกจากจะหันกลับมาหาจุดขายเดิมๆคือ ความคุ้มครอง เกษียณสำราญก็ยังเลี่ยงจะชนกับสินค้าแบงก์ที่ได้เปรียบในช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น