"ไวไว"ประกาศขอใช้เวลา 5 ปีเทียบชั้น"สหพัฒน์"ด้านผู้นำอาหารครบวงจร พร้อมรายได้ที่โตอีกเท่าตัว หรือกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าบุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสไตล์ตะวันตก ประเภทพาสต้าอย่างน้อย 2 รสชาติ และไวไวควิก รสชาติใหม่ต่อเนื่อง หวังเป็นผู้นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ด้วยส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 45% ล่าสุดเปิดตัวต้มยำกุ้งน้ำข้น-น้ำใส พร้อมดึงสองพ่อลูก ม.ร.ว.ถนัดศรี และม.ล.ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
นายปรีชา นภาพฤกษ์ชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาดอาหารกึ่งสำเร็จรูปในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การออกอาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง หรือการขยายประเภทของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปสู่อาหารแนวตะวันตก เช่น พาสต้ากึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น โดยจะใช้เงินลงทุนทางด้านเครื่องจักรอีกประมาณ 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ การผลิตอาหารใหม่ๆลงสู่ตลาด จะเน้นทั้งจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ โดยคาดว่าในระยะ 5 ปี บริษัทจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำ เทียบเท่ากับสหพัฒน์ ที่เป็นผู้นำด้านอาหารทั้งจำหน่ายในและประเทศและต่างประเทศเช่นเดียวกัน ทั้งนี้คาดว่ารายได้โดยรวมของบริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีอัตราเติบโตจากปัจจุบันอีกเท่าตัว หรือคาดว่าน่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีกว่า 2,500 ล้านบาท
"การที่บริษัทสนใจรุกธุรกิจอาหารอย่างมากนั้น เพราะอาหารเป็นสินค้าที่ทุกคนจะต้องบริโภคอยู่แล้ว และเทรนด์ในตลาดอาหารก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เป็นกลุ่มที่ต้องการลองของแปลกใหม่ตลอดเวลา ซึ่งหากค่ายใดทำสินค้าใหม่และเป็นที่ถูกใจก็จะเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทได้"
นอกจากนี้ในปีหน้า บริษัทจะเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ให้แก่วงการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยจะเน้นแนวตะวันตก ด้วยการเปิดตัวพาสต้ากึ่งสำเร็จรูปชนิดซองอย่างน้อย 2 รสชาติ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่มีคู่แข่งขันรายใดทำสินค้าชนิดนี้ออกมาจำหน่าย โดยขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาเรื่องราคา ที่จะพยายามขายในราคาซองละ 5 บาทเท่านั้น เพื่อจับกลุ่มคนทันสมัย อายุ 20-35 ปี โดยจะใช้งบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 250 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือน
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา ไวไวสองรสชาติใหม่ หรือเรียกว่า Dual Product คือ ต้มยำกุ้งน้ำข้น และต้มยำกุ้งน้ำใส พร้อมกัน นอกจากนี้ยังได้นำม.ร.ว.ถนัดศรี และม.ล.ศิริเฉลิม (หมึกแดง) สวัสดิวัตน์ สองพ่อลูกผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยนายปรีชา กล่าวว่า การเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งน้ำข้นในช่วงนี้ไม่นับว่าล่าช้ากว่าตลาด เพราะแม้ว่าสองค่าย คือมาม่า และ4-me จะเปิดตัวก่อนหน้าไปแล้ว 1 เดือน แต่ไวไวถือโอกาสเปิดตัวรสชาติใหม่พร้อมกับ ถึง 2 รสชาติ ซึ่งยังไม่เคยมีบริษัทใดที่ออก รสชาติใหม่พร้อมกัน 2 รสชาติเช่นไวไวมาก่อน
ไวไวได้ใช้งบการตลาด รวมทั้งโฆษณาส่งเสริมการขายสำหรับสองรสชาติใหม่นี้ 80 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำยอดขายได้ 250 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรก และจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของไวไวอีก 3% ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของไวไวโดยรวมเป็น 31-32% ในสิ้นปี 2545 จากมูลค่าตลาดรวม 9,500 ล้านบาท และบริษัทมั่นใจว่า รสต้มยำน้ำข้นและน้ำใส จะช่วยให้ส่วนแบ่งการตลาดของไวไวในปีหน้าเพิ่มขึ้น อีก 8-10% ในปี 2546 ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 37-38%
สำหรับการนำสองพ่อลูกคือ ม.ร.ว.ถนัดศรี และม.ล.ศิริเฉลิม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อม กันนั้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้แก่ผลิตภัณฑ์ของไวไว และที่สำคัญไม่มีค่ายใดที่ใช้พรีเซ็นเตอร์พร้อมกันถึง 2 คน มาก่อน ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้นำทั้งด้านการออกรสชาติใหม่และการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ด้วย
ส่วนกรณีที่มีค่าย 4-me ได้เคยพูดถึง ม.ร.ว.ถนัดศรี ในการเป็นผู้การันตีรสชาติให้แก่บะหมี่ยี่ห้อดังกล่าวนั้น หลังจากที่ไวไวเปิดตัวสองรสชาติใหม่พร้อมพรีเซ็นเตอร์แล้ว บะหมี่ค่ายอื่นจะไม่สามารถใช้ม.ร.ว.ถนัดศรีไปเป็น พรีเซ็นเตอร์ได้อีก
นายปรีชา กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาว่า บริษัททำยอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.5% คิดเป็นยอดขาย 1,640 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดขายรวมของทั้งบริษัทน่าจะทำได้กว่า 2,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 15-20%
ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดบะหมี่กึ่งสำเรจรูปไวไวและควิกไว้ปีละ 6% ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมาย คาดว่าใน 4 ปีข้างหน้า บริษัทจะขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้อย่างแน่นอน
"ปัจจุบันมาม่าเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50-51% ซึ่งหากไวไวสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเป็น 45% ก็จะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของมาม่าลดลงด้วย นั่นจะทำให้ไวไวเป็นผู้นำตลาดในทันที ซึ่งวิธีการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดนั้น ก็คือ การออกรสชาติใหม่ๆเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องนั่นเอง" นายปรีชา กล่าวในตอนท้าย