แบงก์กรุงไทย เปิดบริการระบบสินเชื่อทางการค้าและบริการทางการเงิน (EFCM) จับลูกค้าเป้าหมายกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ เครื่องดื่มรายใหญ่ อุปโภคบริโภค พร้อมให้ความสำคัญกับบริการ Cash Management หวังเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะนี้มีลูกค้า 2 ราย วงเงินหมุนเวียนปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท คาดปีหน้าสามารถเพิ่มลูกค้าเป็น 5 ราย มีวงเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี มีมาร์เกตแชร์ไม่ต่ำกว่า 50%

นายสหัส ตรีทิพยบุตร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า ธนาคารได้พัฒนาระบบเทคโนโลยี เพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้าได้รับความสะดวก ล่าสุดได้พัฒนา ระบบสินเชื่อทางการค้าและบริการทางการเงิน หรือ Electronic Trading Finance & Cash Management System (EFCM) ซึ่งเป็นระบบอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคู่ค้าในการทำธุรกิจ ที่ธนาคารจะช่วยบริหารเงินสด ระบบการชำระเงิน รวมทั้งโครงสร้างทางการเงินต่างๆให้กับลูกค้าได้ โดยผู้ประกอบการ จะลดภาระค่ำประกัน ลดขั้นตอนการทำงาน ลดความเสี่ยงทางการค้า เพิ่มยอดขายและยังส่งเสริมผลการดำเนินธุรกิจ เปลี่ยนลูกหนี้การค้าเป็นเงินสด

โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หลายกลุ่ม คือ กลุ่มพลังงาน ส่วนใหญ่จะเป็นสถานีบริการน้ำมัน กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเครื่องดื่มรายใหญ่ กลุ่มเครื่องมือแพทย์ กลุ่มอุปโภคบริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ศึกษาข้อมูล ของบริการธนาคารอยู่ คาดว่านาจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าแล้ว 2 ราย คิดเป็นปริมาณเงินหมุนเวียนประมาณ 60,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ ในปี 2549 ธนาคารตั้งเป้าหมายจะเพิ่มลูกค้าเป็น 5 บริษัท ซึ่งจะทำให้มีปริมาณเงินหมุนเวียนมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี และต้องการที่จะมีส่วนแบ่งทางการตลาด 50 %ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ขณะนี้ยังมีลูกค้าที่อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาอีกคือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

"ธนาคารมีกลุ่มลุกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะฐานเดิมจากรัฐวิสาหกิจ ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของธนาคารทั้งสิ้น หากเข้ามาให้บริการของธนาคาร ครบทุกราย จะเป็นการเพิ่มรายได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีฐานกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรทมากกว่า 100,000 ราย มีวงเงินสินเชื่อมากกว่า 400,000-500,000 ล้านบาท ดังนั้นมองว่าธนาคารยังมีช่องทางการขยายฐานอีกมาก" รองกรรมการผู้จัดการ กล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีบริการด้าน Cash management ที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่สามารถให้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้จากที่บ้าน โดยบริการดังกล่าวช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาของลูกค้าได้ ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญมาก เพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งลูกค้าที่ธนาคารกำลังให้ความสนใจคือ กองสลากที่ธนาคารจะรับจ่ายเงิน รับเงิน จาการซื้อ-ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่จะต้องมีการพัฒนาถึงขั้นให้ธนาคารสามารถจ่ายเงินค่ารางวัลได้

นอกจากนี้ ธนาคารสามารถให้บริการนำส่งสลากถึงจุดขายได้เลย เพราะจะใช้รถขนเงินของบริษัทในเครือ หากสามารถเจรจาตกลงกันได้ ส่งผลให้ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและขายผลิตภัณฑ์อื่นๆได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยระบบดังกล่าวธนาคารมีลูกค้าประมาณ 600 ราย คิดเป็นธุรกรรมประมาณ 90 ล้านธุรกรรมต่อปี จากค่าบริการตามปกติประมาณ 10 บาทต่อรายการ