|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นักวิเคราะห์ชี้แผนเทกโอเวอร์หนังสือพิมพ์ แกรมมี่ใช้เงินสูง แต่มองไม่เห็นประโยชน์ชัดเจนแถมต้องแบกหนี้-ดอกเบี้ย รุมถามผู้บริหาร จะปรับเพิ่มราคาทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์มติชนหรือไม่หลังราคาหุ้นในตลาดสูง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ขณะที่ผู้บริหาร ปิดปากเงียบเผ่นหนีไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังเรียกนักวิเคราะห์ชี้แจงข้อมูลซื้อหุ้นมติชน-โพสต์
วานนี้(14 ก.ย.)บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย (GMMM) ได้เชิญนักวิเคราะห์หลักทรัพย์มารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นบริษัทมติชน(MATI)และบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง (POST)ที่อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลสชั้น 21 ซึ่งเริ่มชี้แจงในเวลา ประมาณ 14.00 น.และเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 น.ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง การชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ บริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปร่วมรับฟังข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 3 คนที่ทำหน้าที่คอยกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวที่ไปดักรอทำข่าวเข้าไปและเมื่อผู้บริหารบริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียชี้แจงเสร็จสิ้นนายสุเมธ ดำรงชัยธรรมกรรมการบริษัทได้เดินหนีขึ้นลิฟท์ทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกั้น
นางสาวสิริณัฎฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังฟังคำชี้แจงว่าบริษัทได้ชี้แจงว่าการเข้ามาถือหุ้นในบริษัททั้ง 2 แห่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ซึ่งจะเป็นการให้บริการสื่อที่ครบวงจรแก่ลูกค้าได้ ส่วนประเด็นที่นักวิเคราะห์สอบถามจะเกี่ยวกับการที่บริษัทเข้ามาถือหุ้นในบริษัทมติชนในสัดส่วนประมาณ 32% ถือว่ายังไม่สูงมากนัก จะมีความเสี่ยงต่อการลงทุนหรือไม่
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลในครั้งนี้ ทำให้ประเมินว่าผลประกอบการของ GMMM มีโอกาสลดลงได้ เนื่องจากบริษัทได้ไปกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 2.2 พันล้านบาท และมีต้นทุนดอกเบี้ยประมาณ 5% ดังนั้นเฉลี่ยต้นทุนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในระดับ 110 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าผลประกอบการที่ได้รับจากการดำเนินงานอาจจะไม่ครอบคลุมต้นทุนดอกเบี้ยก็ได้จึงเป็นปัจจัยที่จะต้องจับตามอง
ทั้งนี้การชี้แจงในครั้งนี้ถือว่าไม่น่าพอใจเท่าที่ควรเพราะมีหลายเรื่องที่บริษัทไม่ชี้แจงให้ชัดเจนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะสอบถามเกี่ยวกับราคาที่ทำคำเสนอซื้อของบริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นละ 11.10 บาทหรือไม่ เพราะราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาที่ทำคำเสนอซื้อแล้ว แต่บริษัทก็ไม่ยอมชี้แจงที่ชัดเจน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อแผนการเสนอซื้อหุ้นในครั้งนี้
นักวิเคราะห์บล.บัวหลวง วิเคราะห์การเข้าซื้อ MATI และ POST ของ GMMM ครั้งนี้ (รวมถึง Tender Offer) ใช้เงินทุนรวมสูงถึง 2,700 ล้านบาท ในขณะที่สินทรัพย์ของ GMMM ในไตรมาส 2/48 มีเพียง 2,400 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งรวมเงินสด 1,000 ล้านบาทแล้ว) ทั้งนี้ GMMM ได้อนุมัติการขอวงเงินกู้ระยะสั้น (Bridging Loan) เป็นจำนวน 2,200 ล้านบาท เพื่อใช้ในรองรับแผนการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้
สำหรับ MATI ประกอบด้วยหนังสือพิมพ์หลัก 3 ฉบับคือ มติชน ข่าวสด และ มติชนรายสัปดาห์ ในขณะที่ POST ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และ โพสต์ทูเดย์ โดยทั้งสองบริษัทมีผลกำไรที่ดีมาตลอด ปี 47 POST มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 194 ล้านบาท โดยในปี 48 นี้คาดว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 140 ล้านบาท (คิดจากกำไรทั้งปีจากกำไรที่ประกาศจริงในช่วงครึ่งปีแรกของ 2548) ส่วนทาง MATI ปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 103 ล้านบาท และในปีนี้ทั้งปีคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 110 ล้านบาท (คิดจากกำไรทั้งปีจากกำไรที่ประกาศจริงในช่วงครึ่งปีแรกของ 2548) ณ ราคาซื้อ MATI ที่ 11.10 บาท PE ของ MATI ในปีนี้จะอยู่ที่ 20.7 เท่า ในขณะที่PE ของ POST จะอยู่ที่ 30.1 เท่า คิดจาก ราคาเข้าซื้อ POST
การลงทุนเป็นจำนวนที่สูงมากในครั้งนี้ทำให้ GMMM ไม่น่าจะมีการจ่ายเงินปันผลได้มากเหมือนในอดีต จากประมาณการเราคาดว่า GMMM อาจจะต้องมีการกู้ยืมเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นมาจากเดิมไม่มีหนี้สินเลยทำให้มาเป็นบริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 1 เท่า ในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้เรายังมองไม่เห็นประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชัดเจนระหว่าง ธุรกิจบันเทิง (GMMM) และธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ (POST และ MATI) ทั้งนี้เรามองว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้น่าจะมาแต่เพียงในรูปของเงินปันผล คงคำแนะนำ “ถือ”
ทั้งนี้ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2548 บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดียได้แจ้งสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ว่าได้หุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำนวน 24.52 ล้านหุ้นหรือ 4.90% โดยเป็นการได้มาซึ่งเป็นการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ภายหลังการได้มาทำให้บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดียถือหุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่งในสัดส่วน 20.86%
|
|
|
|
|