|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ครม.ผ่านมาตรการส่งเสริมตลาดบ้านมือสอง ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับผู้ขายบ้านที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 1 ปี คาดสูญเสียรายได้ภาษี 100 ล้านบาทต่อปี และมีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย.นี้ ด้านผู้ประกอบการ นายหน้าเชื่อยอดขายบ้านมือ2 พุ่ง 10-20% หลังประกาศใช้มาตรการ คาดผู้บริโภคแห่โอนก่อนดอกเบี้ยปรับขึ้นเดือน ต.ค.
วานนี้ (13 ก.ย.) นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมตลาดบ้านมือสองของกระทรวงการคลัง ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เสนอ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างทั่วถึงและเหมาะสมกับสถานะของผู้อยู่อาศัย โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย 6 แนวทางคือ
ด้านภาษี และค่าธรรมเนียมให้ยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้ขายได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ปีและภายในกำหนดเวลา 1 ปีก่อน หรือ นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขายอสังหาฯดังกล่าว โดยให้มีผลบังคับใช้หลังจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกินภายในเดือนกันยายนนี้ เพราะเป็นมาตรการเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของอากรแสตมป์ที่ยกเว้นนั้น จะทำให้กรมสรรพากรสูญเสียรายได้ภาษีประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี
ในส่วนของค่าธรรมเนียม ให้ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์ จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ทั้งนี้ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550
ทั้งนี้ คาดว่าการลดหย่อนภาษี และค่าธรรมเนียมจะทำให้ต้นทุนในการซื้อขายบ้านมือสองลดลง นอกจากนี้การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนจำนอง เป็นการลดภาระต้นทุนการกู้ยืมของประชาชนผู้มีเงินได้น้อย ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย เพิ่มเติมจากกฎหมายปัจจุบันที่บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ หรือเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโดยจำนองอาคารที่ซื้อนั้นเป็นหลักประกันในการกู้ยืมได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท
ด้านฐานข้อมูล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้จัดทำฐานข้อมูลบ้านมือสองแห่งชาติ (Multiple Listing Service -MLS) ผ่านเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ www.resalehomethai.com ที่แสดงรายละเอียดอย่างครบถ้วน, ด้านสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยเสนอ package สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับผู้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านมือสอง โดยเฉพาะในงานมหกรรมบ้านมือสองแห่งชาติที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9-11 ก.ย.ที่ผ่านมา
ด้านมาตรการกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้ให้กรมธนารักษ์จัดตั้งศูนย์ข้อมูลนายหน้าอสังหาฯภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อบริษัทตัวแทนและนายหน้า รวมทั้งดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนและนายหน้าอสังหาฯ, ด้านการพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพบุคลากร สนับสนุนการฝึกอบรมและการพัฒนาวิชาชีพเกี่ยวกับอาชีพตัวแทนและนายหน้า รวมทั้งผลักดันให้บรรจุวิชาเกี่ยวกับตัวแทนและนายหน้าเป็นหลักสูตรในระดับอุดมศึกษาต่อไป
และสุดท้าย ด้านการตลาด จัดให้มีศูนย์กลาง ซื้อขายบ้านมือสอง เพื่อให้เป็นตลาดนัดบ้านมือสอง เดือนละ 1 ครั้ง โดยจะเริ่มราวปลายปี 2548 ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 ปี ในลักษณะการให้บริการแบบ One Stop Serviceและจัดงานมหกรรมบ้านมือสอง 4 มุมเมือง ระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้
นายวิศิษฐ์ คุณาทรกุล ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัทเรียลตี้ เวิลด์ อัลไลแอนซ์ จำกัด กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะสามารถใช้ได้ช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับขั้นตอนและการดำเนินงานของทางราชการที่ดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งในช่วงที่ ครม. มีการอนุมัติให้ใช้มาตรการสนับสนุนบ้านมือสอง ต้องพิจารณาในสองส่วน คือ ส่วนแรกต้องมองช่วงระยะเวลาก่อนการประกาศใช้เป็นกฎกระทรวง เพราะผู้บริโภคอาจจะยืดระยะเวลาในการโอนออกไป เพื่อรอผลบังคับใช้ และส่วนที่สองคือกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่ได้โอน แต่ไม่สามารถรอมาตรการดังกล่าวได้ เพราะถูกบังคับด้วยสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำไว้ และส่วนที่ต้องเร่งโอนก่อนที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งหากโอนหลังจากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
"เชื่อว่าหลังจากมาตรการมีผลบังคับใช้คาดหลังเดือนก.ย.ไปถึงสิ้นปีนี้ ยอดการขายบ้านในตลาดบ้านมือสองจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-20% โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.5% ในเดือนตุลาคมนี้ ผู้บริโภคในตลาดจะมีการเร่งซื้อและโอนเพิ่มขึ้น เพราะจะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนองได้ ถึงกระนั้นในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้าต้องมาพิจารณาว่ามาตรการที่ออกมาจะสนับสนุนการเติบโตของตลาดบ้านมือสองมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าตลาดยังไม่ปรับเปลี่ยนมากนัก ก็เชื่อว่าภาครัฐคงจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีก"
|
|
|
|
|