|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เจ้าของธุรกิจปลาทูน่ากระป๋องแบรนด์ Seahorse ไม่หวั่นอสังหาฯซบขอแตกไลน์ธุรกิจจัดสรรเต็มตัว นำร่องงัดแลนด์แบงก์ย่านเทพารักษ์ ผุดบ้านเดี่ยวพร้อมขายภายใต้แบรนด์ "คาแนลวิลล์ศรีนครินทร์" มูลค่าถึง 400 ล้านบาท หวังรองรับการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ เล็งปีหน้าลุยต่อพัฒนาที่ดินย่านฝั่งธนบุรีอีกไม่ต่ำกว่า 2 โครงการ
นายสมศักดิ์ อวกุล ประธานกรรมการ บริษัท ชูยศและบุตร จำกัด หรือที่รู้จักกันดีในแวดวงอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องภายใต้แบรนด์ "Seahorse" ของเมืองไทย เปิดเผยว่าบริษัทได้นำที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ที่เก็บไว้ถึง 20 ปีย่านเทพารักษ์ บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ นำมาพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมขายภายใต้แบรนด์ "คาแนลวิลล์ ศรีนครินทร์" เพื่อรองรับการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิภายหลังที่รัฐบาลมีความชัดเจนในการเปิดใช้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ประกอบกับเล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่โดยรอบของสนามบินที่จะส่งผลดีต่อลูกค้าและโครงการของบริษัทในอนาคต
โดยรูปแบบของโครงการจะประกอบด้วยบ้านเดี่ยวจำนวน 40 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 110-130 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 8.98-14 ล้านบาท รวมมูลค่าการขายประมาณ 400 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนที่เป็นเจ้าของกิจการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ซึ่งได้เปิดการขายมาตั้งแต่ต้นปี 2547 ขณะนี้มียอดขายแล้ว 16 ยูนิต มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าไปแล้ว 14 ยูนิต และในเดือนกันยายนนี้จะโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ยูนิต
สำหรับแหล่งสินเชื่อนั้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาโครงการประมาณ 40% ที่เหลือเป็นเงินทุนส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆที่ธนาคาร กรุงไทยให้ความมั่นใจกับโครงการ แม้จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในวงการ เนื่องจากด้วยความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดี และฐานธุรกิจที่มั่นคงจากการผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋อง จนมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทชูยศและบุตร จำกัด มีทุนจดทะเบียน134 ล้านบาท ซึ่งเดิมแปลงที่ดินดังกล่าวถือครองโดยบริษัท เอส.เค. ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องแต่เมื่อหันมาบุกเบิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงได้เปลี่ยนมาใช้บริษัท ชูยศและบุตร จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2532 เป็นผู้ถือครองที่ดินแทน รวมถึงการที่จะเป็นบริษัทในการเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องใน อนาคต
นายสมศักดิ์กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการต่อเนื่องในปี 2549 โดยจะนำที่ดิน 2 แปลง คือ ที่ดินบริเวณริมคลองทวีวัฒนา ใกล้สนามหลวง 2 ซึ่งเป็นแลนด์แบงก์มาเกือบ 10 ปีแล้ว เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบโครงการอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮาส์ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง และอีกแปลงจะอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 68 บนพื้นที่ 9 ไร่ คาดว่าจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ โดยตามแผนทั้งหมด คงจะพิจารณาถึงความเหมาะสมของการลงทุน กำลังซื้อในตลาด และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะมีทิศทางอย่างไรบ้าง
|
|
|
|
|