แอลจีเปิดตัวสินค้าหมวดเอวีโค้งสุดท้ายในไตรมาส 4 พร้อมประกาศเป็นที่ 1 ในตลาด พลาสมาทีวี โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 28% ตั้งเป้าอีก 5 ปีข้างหน้าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ขณะที่เป็นอันดับ 1 ในไทย เผยเน้นทำตลาดแบบโลคอลเจาะใจกลุ่มเป้าหมาย
นายฉันท์ชาย พันธุ์ฟัก ผู้จัดการการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ TV/AV บริษัท แอลจีมิตร อีเลคทรอนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์ด้านภาพและเสียงมีมูลค่ารวม 4.13 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อน 2% ขณะที่สินค้ากลุ่มที่มุ่งเจาะตลาดระดับไฮเอนด์นั้น มีอัตราการเติบโตสูงถึง 36% โดยสินค้าที่แอลจีมียอดขายเป็นอันดับ 1 ได้แก่ พลาสมาทีวี ด้วยยอดขาย 28% จากยอดขายทั้งตลาดรวม 20,000 ยูนิต ขณะที่สินค้ากลุ่มทีวีนั้น บริษัทฯมียอดขายมากเป็นอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 14% ส่วนแฟลตทีวีมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 4 คิดเป็นสัดส่วนยอดขาย 15%
ทั้งนี้ ในไตรมาสสุดท้ายเป็นต้นไป บริษัทฯมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สู่ตลาดมากมาย อาทิ พลาสมา เฮอริเคน ทู, แอลซีดีทีวี, แฟลต ทีวี, ดีวีดี, โฮมเธียเตอร์, เอ็มพี 3 เพลเยอร์ และคาร์ ออดิโอ
สำหรับพลาสมาทีวีที่แอลจีผลิตมากเป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น มีฐานการผลิตจากประเทศเกาหลี ซึ่งบริษัทฯเตรียมที่จะวางจำหน่ายจอขนาด 42 นิ้ว ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดถึง 92% ของพลาสมาทีวีทุกขนาดในตลาด ซึ่งบริษัทฯจะเน้นจุดขายด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในการประมวลผลภาพระบบดิจิตอล นอกจากนั้น ในปลายเดือนกันยายนนี้ บริษัทฯได้เตรียมออกพลาสมาทีวีรุ่น PX3 ซีรีส์ ซึ่งถือเป็นตัวทำตลาดในระดับแมสทดแทนตลาด โปรเจกชันทีวีด้วย
ส่วนแฟลตทีวีนั้นจะเน้นผลิตทีวีจอแบนขนาด 29 นิ้วเป็นหลัก เนื่องจากตลาดมีการเติบโตสูง 17% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดทีวีจอแบนขนาด 21 นิ้วยังครองสัดส่วนตลาดสูงสุด คิดเป็น 57% ของมูลค่าตลาดรวม
ด้านสินค้าโฮมเธียเตอร์จะมีจุดเด่นที่ใช้เทคโนโลยีไวร์เลส ซึ่งแอลจีถือเป็นบริษัทฯเดียวที่นำเสนอสินค้าในรูปแบบดังกล่าว นอกจากนั้น สินค้ากลุ่มเอ็มพี 3 และคาร์ออดิโอ พบว่ามีแนวโน้มการเติบโตไม่น้อยกว่า 50% ซึ่งในปีหน้าจะเพิ่มสินค้าให้ครอบคลุมทุกเทคโนโลยีของเอ็มพี 3 ที่ส่วนใหญ่มักจะลิงก์ไปกับไอที
ในส่วนของแอลซีดีทีวีนั้น แอลจีผลิตมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่งผลให้บริษัทฯจะยังคงไม่ทิ้งตลาดนี้ โดยเตรียมที่จะผลิตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 โดยมีเทรนด์ผลิตขนาดจอ 30 นิ้วเพิ่มขึ้น ในราคาที่ลดลง โดยการทำตลาดแอลซีดีนี้ถือว่าไม่เป็นการไปแย่งยอดขายมาจากตลาดทีวีจอแบนแต่อย่างใด เนื่องจากตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มกัน
การรุกตลาดของแอลจีนับจากนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า (2010) บริษัทฯได้ตั้งเป้าที่จะติดอันดับ 3 จากทั่วโลก และอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยจะนำเสนอเทรนด์ของสินค้าที่เน้นดิจิตอลเทคโนโลยีเป็นหลัก รวมทั้งจะมีการทำตลาดในระดับโลคอล ซึ่งต่างจากคู่แข่งอย่างซัมซุงที่เน้นทำตลาดแบบโกลบอล โดยจะมีผลดีในแง่สามารถผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า
|