สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ แอ่นอกการันตีบสท.แก้หนี้ตามอำนาจกฎหมายไม่สนเป็นหนี้นักการเมืองหรือไม่
เผยกรอบความโปร่งใส "ลูกหนี้รายใหญ่เกิน 1,000 ล้านและหนี้ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนผ่านบอร์ด
2 ชั้น แถลงข่าวต่อสาธารณชน" มุ่งใช้คณะกรรมการอนุธุรกิจศึกษาศักยภาพแก้หนี้รายกลุ่ม
เผย เงินสดๆ ที่รับจากการชำระหนี้ได้1,000 ล้านบาทแล้ว
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า
บสท.กำลังปรับปรุงระบบใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพของฐานข้อมูลอย่างละเอียดโดยใช้เทคโนโลยี
ที่ทันสมัยสนับสนุนการประเมินลูกหนี้ โดยเฉพาะการจัดสร้างดาต้ารูมนำข้อมูลของลูกหนี้ให้นักลงทุนที่สนใจพิจารณาเพื่อเข้ามาร่วมทุนกับบสท.
"ระบบใหม่จะครอบคลุมตัวเลขถึงจำนวนยอดค้างดอกเบี้ย มูลค่าหลักประกันที่มี ที่อยู่ของหลักประกัน
และระดับที่จะต้องชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ "นายสมเจตน์ กล่าวและว่าเพื่อบรรลุบทบาทของ
บสท. ในการเร่งแก้ไขหนี้ให้ได้จำนวนมากและลูกหนี้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม หนี้ทุกราย จะผ่านขั้นตอนการตั้งแต่บสท. เรียกลูกหนี้มาเจรจา เสนอต่อคณะกรรมการบสท.เพื่ออนุมัติและได้ข้อยุติสุดท้ายลูกหนี้เซ็นสัญญาการชำระหนี้
"ที่ผ่านมา ยอดการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้ข้อยุติในแต่ละไตรมาสเป็นไปตามเป้า คาดว่าทั้งปีจะได้ตามเป้าหมายคือ
4 เดือนที่เหลือเฉลี่ยเดือนละ 50,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอด 300,000 ล้านบาท ทำให้สิ้นปีนี้
หนี้ที่ได้ข้อยุติอยู่ที่ 500,000 ล้านบาท" นายสมเจตน์ค่อนข้างพอใจงานที่ผ่านมา
ในขณะที่เขาเข้ามาทำงานเพียงเดือนเดียว
จริงๆ แล้วที่ประกาศตัวเลขแก้ไขหนี้ไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกแต่ต้องการบอกถึงความคืบหน้าในการรับโอน
เจรจากับลูกหนี้ ขณะเดียวกันถ้าบสท.ไม่บอกความคืบหน้าแต่หากรอให้ลูกหนี้ชำระก่อน
ก็โดนต่อว่าทำงานช้าเกินไป ผมแก้ไขหนี้ไปตามอำนาจทางกฎหมาย
กรรมการผู้จัดการบสท.เผยว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการอนุธุรกิจขึ้นมาเป็นรายกลุ่ม
มีหน้าที่หลัก ในการศึกษาและพิจารณาว่าธุรกิจรายใดในกลุ่มที่รับผิดชอบควรส่งเสริมและให้การช่วยเหลือหรือต้องตัดธุรกิจทิ้งไป
เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาเป็นกรอบในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
กรณีการตัดหนี้ใหกับลูกหนี้ ต้องคิดมากด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือสร้างความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ
ไม่ว่าหนี้ซับไมครอน ของคุณชาญ อัศวโชค หรือหนี้ไทยคอปเปอร์ ของคุณประยุทธ มหากิจศิริ
รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยืนยันว่าเป็นไปตามกฎหมาย โอนมาแล้วต้องแก้ กรรมการผู้จัดการบสท.กล่าวและว่า
การทำงานในบสท.ไม่มีผู้บริหารรายใดมีอำนาจตัดสินใจตามลำพัง แต่จะมีคณะกรรมการพิจารณาร่วมทุกครั้ง
ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้บริษัทไทยคอปเปอร์ จำกัด อยู่ระหว่างการทำงานของอนุกรรมการธุรกิจที่กำลังตรวจสอบฝ่ายเจ้าหนี้ลูกหนี้
รวมทั้งผู้ร่วมทุนรายใหม่ หลังจากคณะกรรมการได้ข้อสรุปเราจะแถลงข่าวทันที คิดว่าเร็วๆ
นี้
นายสมเจตน์กล่าวว่า บสท.จะผลักดันลูกหนี้รายใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและมีมูลหนี้เกิน1,000
ล้านบาทเข้าสู่บอร์ดที่มีคณะกรรมการถึง 12 คนร่วมตรวจสอบ ผลที่ได้จะเปิดแถลงข่าวและอาจเชิญลูกหนี้และบสท.แจงข้อสงสัยทั้งหมดต่อสื่อมวลชน และระยะต่อไปจะนำลูกหนี้วงเงิน 500 ล้าน บาทเสนอเข้าคณะกรรมการดังกล่าวเช่นกัน
เผยรับเงินสดแล้วพันล้าน
หลังจากบสท.มีปัญหาเรื่องการแถลงตัวเลขปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จสูงแต่การชำระเงิน
สดจริงกลับมีไม่ถึง 500 ล้านบาท นายสมเจตน์กล่าวว่า ตัวเลข ณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวม
แต่มั่นใจว่าขณะนี้มียอดชำระเงินสดจากลูกหนี้มาแล้ว1,000 ล้านบาท ถือว่าการปรับโครงสร้างหนี้ของบสท.มีความรุดหน้า
แบงก์ซื้อหนี้คืนไม่ง่าย
ส่วนกรณีที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) กำลังเจรจากับบสท.ในการรับซื้อหนี้คืนจากบสท.ในส่วนที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว
นายสมเจตน์กล่าวว่า แม้ตามหลักการช่วยเหลือลูกหนี้ทางเลือกหนึ่งควรที่จะให้เจ้าหนี้เดิมรับลูกหนี้รายนั้นไปก่อน
เพราะมีความคุ้นเคย และเข้าใจฐานะลูกหนี้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่า บสท.จะขายให้เจ้าหนี้เดิม
อาจเป็นรายใหม่ก็ได้ถ้าคณะกรรมการ เห็นสมควร
ดับฝันลูกหนี้นอกคอก
ที่มีการแถลงข่าวจากรัฐบาลว่า บสท.จะไม่ยึดบ้านหลังแรกของลูกหนี้เราไม่ได้รับปาก
เป็นเรื่องหลักการ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของลูกหนี้โดยเฉพาะความสุจริต
หากไม่สุจริตและบสท.ไม่ดำเนินการ ผู้บริหารบสท.ก็ต้องโดนลงโทษ นายสมเจตน์กล่าวถึงข้อเสนอของสภาลูกหนี้แห่งชาติที่เสนอรัฐบาลให้ชะลอการฟ้องล้มละลายลูกหนี้และห้ามยึดบ้านหลังแรก