"แม็ทชิ่ง" ระบุ ดิวยูเคฟันแฟร์ผุดสวนสนุกเคลื่อนที่สองยังไม่สรุป เหลือเวลา 2 เดือน คืบหน้าแค่ 70% ผุดแผนสองรองรับอัด 2 อีเวนต์ยักษ์คอนเสิร์ต เคานต์ดาวน์ ส่งท้ายปลายปี ยันหากยูเคฯตกลงเปิดสวนสนุก ปีนี้เตรียมปรับรูปแบบใหม่ ขนเครื่องเล่นมาเพียบ ขายเป็นแพกเกจ พร้อมอัดงบตลาดกิจกรรมเพิ่มเต็มสูบ หลังปีที่ผ่านมาพลาดเป้า

นายบุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แม็ทชิ่ง เอ็นเตอร์ เทนเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างรอผลตอบรับจากทางยูเค ฟันแฟร์ ผู้บริหารสวนสนุกเคลื่อนที่จากประเทศอังกฤษ เพื่อนำเข้าสวนสนุกดังกล่าวมาแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 โดยความ คืบหน้าในการดึงบริษัทดังกล่าวเข้ามาเปิด สวนสนุกขณะนี้อยู่ที่ 70% แล้ว เพราะขณะนี้สวนสนุกดังกล่าวยังติดการแสดงอยู่ที่ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ หากการเจรจาแล้วเสร็จ บริษัทจะแจ้งสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะเตรียมการจัดงานช่วงเวลาไล่เลี่ยกับปีที่ผ่านมา หรือระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-14 กุมภาพันธ์ แต่คงสิ้นสุดหลังเทศกาลปีใหม่เล็กน้อย โดยจะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าปีที่ผ่านมา

"หากแผนงานดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ บริษัทก็เตรียมจัดกิจกรรมช่วงท้ายปีเข้ามารองรับ ซึ่งจะใช้สถานที่เดียวกับที่ตั้งของสวนสนุก คือ อิมแพค เมืองทองธานี โดยคาดว่าจะมี 2-3 กิจกรรมใหญ่ คือ การแสดงคอนเสิร์ต และกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ตาม หากทางยูเค ฟันแฟร์ตกลงจะมายังเมืองไทย รูปแบบการจัดงานบริษัทตั้งใจจะนำเครื่องเล่น เข้ามามากขึ้น และเน้นความแปลกใหม่ จากครั้งที่ผ่านมามีเครื่องเล่นประมาณ 60 ชิ้น พร้อมกับเพิ่มขนาดพื้นที่ให้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเตรียมจัดจำหน่ายบัตรเข้าชมจะขายลักษณะเป็นแพกเกจ จากที่ผ่านมาบริษัทจำหน่ายบัตรเข้าชมในราคา 20 บาท และคิดอัตราค่าเครื่องเล่นในอัตราแตกต่างกัน

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเตรียมจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสีสันให้แก่สวนสนุกดังกล่าวด้วย เช่น เทศกาลพลุไฟ นานาชาติ คอนเสิร์ต งานฉลองปีใหม่ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบการตลาดและประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 15-20% จากงบปีที่ผ่านมาใช้ที่ 40 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นรายได้ให้ได้ตามเป้าหมาย จากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้จัดงานสวนสนุกเคลื่อนที่ ภายใต้ชื่อ "โคคา-โคลา เวิล์ด คานิวัล แบงคอก" เป็นครั้งแรก ปรากฏว่าไม่สามารถทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 300 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทมีการคิดค่าบริการตั๋วเข้างานเพียง 20 บาท รวมถึงราคาเครื่องเล่นต่ำเกินไป อีกทั้งระยะเวลาในการจัดงานตลอด 3 เดือนที่ยาวนานกว่าต่างประเทศ และการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการเข้ามาเล่น เครื่องเล่นไม่มีความต่อเนื่อง