เอเอฟพี/ฟอร์บส์ -"เจริญ" เจ้าพ่อเบียร์ช้างเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการจัดอันดับประจำปีนี้ของนิตยสารฟอร์บส์ และเป็นคนไทยคนเดียวที่ติดอันดับท็อปเทน ขณะที่หมายเลข 1 ยังคงเป็น "รอเบิร์ต คว็อก" เจ้าของเครือโรงแรมแชง กรีลา และหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งไม่ติดอันดับใดๆเลยในการจัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อปีที่แล้ว กลับวิ่งลิ่วเข้าสู่อันดับ 5 ปีนี้ โดยนิตยสารชื่อดังของอเมริกาฉบับนี้ประเมินว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิรวม 3,000 ล้านดอลลาร์

ฟอร์บส์พูดถึงประวัตินายเจริญว่า เป็นบุตรของ พ่อค้าหาบเร่ ซึ่งสร้างตัวเองจนมั่งคั่งร่ำรวยจากกิจการ สุราและเบียร์ และเวลานี้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากทั้งในนิวยอร์กและกรุงเทพฯ

ตัวเลขทรัพย์สินสุทธิของเจ้าพ่อเบียร์ช้างนี้ ยังเท่าเดิมจากที่ฟอร์บส์เคยรายงานไว้ในคราวจัดอันดับ อภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ของทั่วโลกประจำปีนี้ ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยตอนนั้นนายเจริญติดอันดับ 194 ของคนร่ำรวยที่สุดของโลก

สำหรับนายคว็อก คนรวยที่สุดในอุษาคเนย์ปีนี้ ก็ครองแชมป์ในปีที่แล้ว เขาอยู่ในวัย 82 ปี เป็นเจ้าของ เครือข่ายโรงแรมแชงกรี-ลา หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ในฮ่องกง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เคอร์รี พร็อบเพอร์ตีส์

ฟอร์บส์ระบุว่า ปีนี้นายคว็อกมีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 1,200 ล้านดอลลาร์ เป็น 5,300 ล้านดอลลาร์ เพราะได้ผลตอบแทนมหาศาลจากการลงทุนเอาไว้กว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ในเศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรือง ของจีน

ไม่เพียงอันดับ 1 อย่างนายคว็อก มหาเศรษฐี ท็อป 40 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปีนี้ รวมกันแล้วมีทรัพย์สินสุทธิกว่า 62,000 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นกว่ารายชื่อของปีที่แล้ว 15,000 ล้านดอลลาร์

ในส่วนอันดับ 2 มหาเศรษฐีภูมิภาคนี้ ได้แก่ นายอนันดา กฤษณัน ชาวมาเลเซียที่เป็นเจ้าของบริษัทดำเนินกิจการเคเบิลทีวี แอสโตร และบริษัทโทรศัพท์ แมกซิส เขารักษาตำแหน่งเดิมนี้ไว้ได้อีกปีหนึ่ง โดยมีทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 5,100 ล้านดอลลาร์

อันดับ 3 เป็นนายเคว็กเลงเบง ชาวสิงคโปร์ที่เป็นเจ้าของเครือโรงแรมมิลเลเนียม และ คอปธอร์น เขามีทรัพย์สมบัติมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับอันดับ 4 คือนายอึ้งเตงฟอง เป็นชาวสิงคโปร์เช่นกัน มีทรัพย์สินสุทธิ 3,200 ล้านดอลลาร์ เขาอาศัยกิจการซิโน กรุ๊ป ที่อยู่ในสิงคโปร์ของเขา เข้าไปครอบครองบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง