Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 กันยายน 2545
เนวินฟันผิดกม.แข่งขัน 5บิกค้าปลีกไทย-เทศ             
 


   
www resources

โฮมเพจ เซ็นทรัลกรุ๊ป

   
search resources

เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น, บจก.
เนวิน ชิดชอบ
Retail




"เนวิน" เตรียมเสนอคณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้าชุดใหญ่ลงดาบเชือดหมดบิ๊กค้าปลีก 5 ราย ทั้งไทยและเทศ แจ้งข้อหาเซ็นทรัลผิดมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า โทษฐานทำการค้าไม่เป็นธรรม ส่วนเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโครและคาร์ฟูร์ก็ไม่รอด ผิดมาตราเดียวกัน โทษฐานเดียวกัน ระบุหากผิดตามข้อกล่าวหาจริง เจอคุก 3 ปี ปรับ 6 ล้าน ผิดซ้ำมีโทษทวีคูณ พร้อมสั่งฝ่ายเลขานุการยกร่างหลักเกณฑ์การทำการค้าที่เป็นธรรมให้เสร็จภายใน 2 ต.ค.นี้

นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการการแข่งขันทางการค้าเพื่อพิจารณาพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง คือ กรณีการร้องเรียนบริษัท เซ็นทรัล รีเทล จำกัด และบริษัทในเครือที่ได้นำระบบศูนย์เติมและกระจายสินค้า (อาร์ซี) มาใช้ในการรับสินค้า จากผู้ผลิตและจำหน่าย (ซัปพลายเออร์) และกรณีร้านค้าปลีกราย ใหญ่ทั้ง 4 ราย ได้แก่ บิ๊กซี แม็คโคร เทสโก้ โลตัสและคาร์ฟูร์ ถูกซัปพลายเออร์ร้องเรียนว่ามีพฤติกรรม 8 ข้อที่เป็นการบังคับและปฏิบัติการค้าที่ไม่เป็นธรรม

โดยหลังจากที่คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาหลักฐานข้อ เท็จจริงที่มีอยู่ทั้งหมด คณะอนุกรรมการฯได้มีมติว่าผลการร้องเรียนกรณีของเซ็นทรัล รีเทลและบริษัทในเครือมีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า เพราะมีพฤติกรรมที่เลือกปฏิบัติ ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เพราะในการส่งสินค้า เซ็นทรัล รีเทล เปิดรับสินค้าจากซัปพลายเออร์ที่เป็นสมาชิกอาร์ซีตั้งแต่ เวลา 20.00-08.00 น. แต่เปิดให้ซัปพลายเออร์อื่นที่ส่งสินค้าเองสามารถส่งสินค้าได้ตั้งแต่เวลา 02.00-04.00 น. เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ

"จะเสนอให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าชุดใหญ่ที่มีนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานพิจารณาต่อไป โดยหากกรรมการชุดใหญ่เห็นว่าผิดจริงตาม ที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอก็จะ มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา 14 เพื่อรวบรวมข้อเท็จ จริงตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป" นายเนวินกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก่อนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ผู้บริหารเซ็นทรัลและโรบินสัน ได้แก่ นายสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ นายทศ จิราธิวัฒน์ นายกนก วงษ์ตระหง่าน และนายวิโรจน์ ภู่ตระกูล ได้เข้าชี้แจงเพิ่มเติมต่อคณะอนุกรรมการฯ ถึงประโยชน์ของระบบอาร์ซี โดยได้ยืนยันว่าจะมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมหลังสิ้นสุดเดือนกันยายน และจะมีการแก้ไขสัญญาหลังจากที่ใช้ไปแล้ว 1 ปี ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้รับฟังและนำไปประกอบการพิจารณา แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อการลงมติ

นายเนวินกล่าวอีกว่า ในกรณีของร้านค้าปลีกรายใหญ่ทั้ง 4 ราย คณะอนุกรรมการฯ มีมติเช่นเดียวกันกับกรณีของเซ็นทรัล คือ มีพฤติกรรม 8 ข้อที่เป็นข้อร้องเรียนจาก ซัปพลายเออร์เข้าข่ายผิดมาตรา 29 โดยจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาเช่นเดียวกัน และหากเห็นว่าผิดก็จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา 14 เพื่อรวบรวมหลักฐาน ก่อนเสนอตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

สำหรับพฤติกรรม 8 ข้อที่เข้าข่ายผิด มาตรา 29 นั้น ได้แก่ 1.การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Entranec Free) 2.การขอส่วนลดเพื่อใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการขาย 3.การขอส่วนลดเพื่อจัดกิจกรรมในวาระพิเศษ 4.ค่าโฆษณา 5.ค่าวางสินค้าและค่าหัวชั้น 6.ค่าระบบข้อมูลการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 7.ค่าดีลีทสินค้า และ 8.การผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ทั้งนี้ ในการพิจารณาความผิดของร้าน ค้าปลีกทั้ง 4 ราย พบว่าหากแยกความผิดของร้านค้าปลีกทั้ง 4 ราย ส่วนใหญ่จะมีความผิดตาม ข้อร้องเรียนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า ส่วนลดพิเศษ ค่าโฆษณา ค่าวางสินค้าและค่าหัวชั้น ค่าเมล์ และสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ยกเว้นแม็คโครที่ไม่มีความผิดในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า เพราะเลี่ยงไปใช้คำว่าเงินสนับสนุนการขายโดยเป็นส่วนลดพิเศษ และไม่มีความผิดในกรณีเรียกเก็บค่าวางสินค้าและค่าหัวชั้น

"คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าทั้ง 5 รายมีความผิดตามมาตรา 29 แล้วจะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาอย่างนี้ แต่คณะกรรมการชุดใหญ่จะเห็นว่ายังไงก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ เพราะหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ เป็นผู้ตรวจสอบว่าพฤติกรรมที่ได้รับการร้องเรียนมาผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิดๆ มาตราอะไรเท่านั้น" นายเนวินกล่าว

สำหรับมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ระบุว่า ห้ามผู้ประกอบการดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยโทษตามมาตรา 29 คือจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำความผิดซ้ำจะมีโทษทวีคูณ ส่วนคณะอนุกรรมการที่จะตั้งขึ้นตามมาตรา 14 นั้น มีหน้าที่ในการสืบสวน สอบสวน จัดทำสำนวนความผิดก่อนที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของศาลต่อไป

นายเนวินกล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ยังได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในในฐานะฝ่ายเลขานุการ ไปยกร่างหลักปฏิบัติในการปฏิบัติการค้าที่เป็นธรรมว่าเป็นอย่างไร ต้อง ทำอย่างไร และให้เสนอให้คณะกรรมการ แข่งขันทางการค้าชุดใหญ่ในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ออกเป็นประกาศถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างเป็นธรรม และไม่มีการเอาเปรียบกัน โดยทั้งผู้ประกอบการ ซัปพลายเออร์และผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ทั้งหมด

สำหรับการยกร่างหลักปฏิบัติที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นมานั้น แยกเป็น 7 กรณี ได้แก่ 1.ค่าธรรมเนียมสินค้าแรกเข้า 2.ค่าส่วนลดต่างๆ เช่น ส่วนลดส่งเสริมการขาย ส่วนลดในวาระพิเศษ ส่วนลดทางการค้าปกติ ส่วนลดรายปี และส่วนลดอื่นๆ (สินค้าสูญหาย และส่วนลดการชำระเงินล่วงหน้า) 3.ค่าโฆษณาและการ ส่งเสริมการขาย เช่น ค่าเมล์ และค่าวางสินค้าหัวชั้น 4.ค่าระบบข้อมูลพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 5.สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ 6.การนำสินค้าออกจาก ชั้นวาง (Delete) 7.การขนส่งและกระจายสินค้า

"ได้ขอให้ฝ่ายเลขานุการไปจัดทำหลักเกณฑ์ ตามที่กำหนดทั้ง 7 ข้อออกมาว่าแต่ละข้อควรจะมีหลักเกณฑ์อย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ โดยให้ยึดหลักว่าต้องเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เป็นการบังคับ เพราะเชื่อว่าหากมีการประกาศหลักเกณฑ์ออกมาแล้วจะนำไปสู่การจัดระเบียบการค้าปลีกที่เป็นธรรมทั้งในแง่ของผู้ประกอบการ ซัปพลายเออร์และผู้บริโภค" นายเนวินกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us