โกเลย์ บูเชลฯ เผยภาพรวมตลาดนาฬิกาไทยยอดขายลด สวนทางต่างชาติที่โตกว่า 10% เหตุปัจจัยลบรุมเร้าส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอ การซื้อลง ชี้เหล่าผู้ประกอบการหวังพึ่งงานเซ็นทรัล อินเตอร์ฯ วอทช์ แฟร์ 2005 เป็นตัวกระตุ้นยอดขายเพิ่ม ล่าสุดโกเลย์ฯเตรียมส่งนาฬิกาเรย์มอนด์ เวลคอลเลกชันใหม่บุกตลาดหวังดันยอดขายเพิ่ม 15% พร้อมยืนกรานไม่ปรับราคาเพิ่ม หลังต้นทุนการ ผลิตพุ่ง 15%

นางสาวผ่องพรรณ ตันธนานุรักษ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัทโกเลย์ บูเชล (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาเรย์มอนด์ เวลจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทั้งราคาน้ำมันแพง และเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ ฯลฯ ส่งผลต่อภาพรวมตลาดนาฬิกาในไทย 5 เดือนแรกของปีมียอดขายลดลง ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ฮ่องกง, ญี่ปุ่น ฯลฯ กลับมียอดขายโตกว่า 10% ซึ่งในแง่กำลังซื้อของผู้บริโภคคนไทยก็เกิดการชะลอการซื้อนาฬิกาลงตามสภาพเศรษฐกิจ

ในส่วนของบริษัทฯก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งในช่วง 8 เดือนที่ผ่าน มาพบว่ายอดขายนาฬิกาลดลง 6% ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องกระตุ้นตลาดด้วย การนำเสนอคอลเลกชันนาฬิกาเรย์มอนด์ เวลรุ่นใหม่ ซึ่งเตรียมมาเปิดตัวในงานเซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอชท์ แฟร์ 2005 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-25 กันยายนนี้ที่เซ็นทรัล ชิดลม ผู้ประกอบการนาฬิกาทุกคนต่างรองานเซ็นทรัล อินเตอร์ฯ วอชท์ แฟร์ 2005 ที่กำลังจะมีขึ้น ในส่วนของ บริษัทโกเลย์ฯตั้งเป้ายอดขายนาฬิกาเรย์มอนด์ เวลในงานจะเพิ่มขึ้น 15% นางสาวผ่องพรรณ กล่าว

ปัจจุบันผู้ประกอบการนาฬิกาหลายรายได้ปรับราคานาฬิกาเพิ่มขึ้นแล้ว ในส่วนของบริษัทฯยังไม่มีแผนปรับราคานาฬิกาเพิ่ม ทั้งๆที่ต้นทุนการ ผลิตเพิ่มขึ้น 10-15% เนื่องจากบริษัทฯ ต้องดูการเปลี่ยนค่าเงินสวิสฟรังก์ก่อน รวมถึงการที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อนาฬิกาลงจึงยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคา

ส่วนแผนการทำตลาดของนาฬิกาเรย์มอนด์ เวล ซึ่งเป็นนาฬิกา ระดับไฮเอนด์ในราคาตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 6 แสนบาทบริษัทฯจะเน้นการทำโปร-โมชันร่วมกับห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็น ช่องทางหลักคิดเป็นสัดส่วน 80% รวมถึงยังมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ เช่น คอร์ติน่า วอชท์ ซึ่งตลาด ในกรุงเทพฯบริษัทฯมีจุดขายกว่า 20 แห่ง ส่วนตลาดต่างจังหวัดมีตัวแทน จำหน่าย 15 ร้านค้า

สำหรับงบทางการตลาดของ บริษัทฯปีนี้ใช้ประมาณ 30% ของยอดขาย ซึ่งปีนี้นับว่าใช้งบมากขึ้นกว่าทุก ปีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่ยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้คาด ว่าจะมีเพิ่มขึ้น 10-15% โดยสัดส่วนยอดขาย แบ่งเป็นรายได้จากนาฬิกา 2 ยี่ห้อ ได้แก่ กุชชี่และเรย์มอนด์ เวล 40% ส่วนอีก 60% เป็นรายได้จากกลุ่ม เครื่องหนัง 3 ยี่ห้อ ได้แก่ แอคเนอร์, บัลลี่และลองแชมป์