"แสนสิริ"เผย ยอดจองซื้อ กองทุนรวมอสังหาฯ บ้านแสนสิริ เกินมูลค่าเสนอขาย แจง สัดส่วนนักลงทุน สถาบัน-รายย่อยเท่ากัน พร้อมเตรียมขายในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ SIRIPF ในวันที่26 ก.ย.นี้ คาดผลต่อแทนต่อปี เฉลี่ย 7% ตลอดอายุสัญญา

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 865 ล้านบาท ที่มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการขายกองทุนดังกล่าว เปิดขายกองทุนในวันที่ 22 ส.ค. -2 ก.ย. ที่ผ่านมาปรากฏว่าขณะนี้ได้ปิดการขายแล้ว โดยมียอดจองซื้อกองทุนเกินมูลค่าเสนอขาย ซึ่งสัดส่วนผู้ลงทุนนั้น แบ่งเป็นผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และผู้ลงทุนรายย่อยในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน สำหรับ ปริมาณความต้องการลงทุนที่สูงเกินกว่ามูลค่าที่เสนอขาย ช่วยให้สะท้อนภาพความต้องการ รวมถึงการออมในระยะยาวภาคธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดี

สำหรับ กองทุนอสังหาฯบ้านแสนสิริ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในบ้านเดี่ยวจำนวน 25 ยูนิต ในโครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67 โดยปัจจัยที่ทำให้กองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี คือจุดเด่นการให้ผลตอบแทนที่สูงและมีเงินต้นใช้ลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากรูปแบบของกองทุนดังกล่าวเป็นลักษณะขายและเช่าต่อเนื่อง จากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยแสนสิริฯ จะขายทรัพย์สินประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 25 ยูนิต ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกองทุน และหลังจากที่กองทุนเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว แสนสิริฯ จะทำสัญญาเช่าต่อจากกองทุนในระยะ 5 ปี และเมือสิ้นสุดสัญญา กองทุนมีสิทธิ์ให้ แสนสิริฯ รับซื้อทรัพย์สินคืน ในราคาที่กองทุนซื้อมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้เฉลี่ย 7% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี

ทั้งนี้ บ้านที่ แสนสิริ นำเข้ากองทุนจำนวน 25 ยูนิต เป็นพื้นที่อยู่อาศัย Service Single House แบบครบวงจรราคา 30-50 ล้านบาท โดยปล่อยเช่าแก่นักธุรกิจต่างชาติ มีอัตราค่าเช่าต่อเดือน 2-3 แสนบาทต่อยูนิต ปัจจุบันมีอัตราการเช่าเต็มทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บลจ.ไอเอ็นจี จะนำกอนทุนดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในชื่อ SIRIPF โดยคาดว่าจะสามารถขายในตลาดได้ในวันที่ 26 ก.ย.นี้