บลจ.บีทีฝันไปไกลภายใน 3 ปี ธุรกิจจัดการกองทุน สำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการติดอันดับ 1 ใน 3 เจ้าตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลติดอันดับ 1 ใน 5 ภายใน 3 ปีเช่นเดียวกัน หลังสำนักงาน ก.ล.ต.ไฟเขียวโอนกองทุน สำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลจากธนาคารไทยธนาคารให้บลจ.บีทีบริหาร
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารไทยธนาคาร เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติการโอนย้ายธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคลซึ่งอยู่ภายใต้ การจัดการของธนาคารไทยธนาคาร มาอยู่ภายใต้การจัดการของ บลจ.บีที โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยการโอนย้ายธุรกิจดังกล่าว ทำให้มูลค่ากองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.บีทีเพิ่มขึ้นเป็น 1,226.95% จากเดิมที่ บลจ.บีทีมีกองทุนรวมบริหาร ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2548 มูลค่า 1,753.039 ล้านบาท เพิ่มเป็น 23,261.90 ล้านบาท โดยประกอบด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 จำนวน 22,590.65 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคลจำนวน 671.25 ล้านบาท และกองทุนรวม จำนวน 1,753.039 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันธุรกิจกองทุนรวมทั้งระบบมีจำนวนกองทุนทั้งสิ้น 608 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 806,302.5 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้งหมด 18 ราย ส่วนกองทุนส่วนบุคคลมีจำนวน 1,496 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินรวม 137,654.71 ล้านบาท มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น 25 ราย และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จำนวน 559 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 319,437.23 ล้านบาท มีบริษัทจัดการทั้งสิ้น 20 ราย
"ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.บีทีถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากธุรกิจหนึ่ง โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดในอันดับ 6 และเราวางเป้าหมายไว้ภายใน 3 ปีนี้เราจะสามารถติด 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดเช่นเดียวกับธุรกิจกองทุน ส่วนบุคคลซึ่งเราอยู่อันดับที่ 19 ของตลาดโดยรวม แต่ภายใน 3 ปีนี้คาด ว่าจะสามารถติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดโดยรวม เนื่องจากเชื่อว่าตลาด โดยรวมของธุรกิจกองทุนจะขยายมากขึ้นเพื่อสร้างทางเลือกในการออม และการลงทุนที่หลากหลาย เพราะในอนาคตจะมีการรวมผลิตภัณฑ์ของธุรกิจประกัน และธุรกิจกองทุน (Unit Link) เข้าด้วยกัน รวมทั้งจะมีการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากอีกด้วย" นายอนุสรณ์กล่าว
สำหรับการเติบโตของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.บีที ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในช่วง 6 เดือนมีอัตราเติบโตของมูลค่า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3.23% โดยได้รับความไว้วางใจจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศใช้บริการอยู่
ขณะที่ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ของ บลจ.บีทีนั้นถือได้ว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อขยายธุรกิจ กองทุนส่วนบุคคลอย่างเต็มตัว โดยจะมีการเปิดตัวภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าเพื่อรอดูภาวะตลาดก่อน โดยจะจัดแผนการลงทุนให้สอด คล้องกับความต้องการ และลักษณะ เฉพาะของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม แต่ละระดับที่แตกต่างกันไป
|