Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2545
Chalit Art Project & Gallery             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 


   
search resources

ชลิต นาคพะวัน
Art




ภาพของผู้ชายอารมณ์ดี ที่ปรากฏบนแผ่นฟล์มนั้น ดูแล้วไม่แตกต่างกับงานจำนวนมากที่ถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบ เพราะล้วนบ่งบอกถึงความสดใส สนุกสนานไม่แพ้กัน

"ไม่ใช่ผมเศร้าไม่เป็นนะครับ ผมก็เศร้าเป็น ทุกข์เป็น ครอบครัว ของผมเมื่อวัยเด็ก ก็ไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่นอะไรนัก แต่ผมมีสวิตช์ปิดเปิด ความรู้สึกได้ ผมก็เลยเลือกที่จะกดปุ่มเปิดอารมณ์ที่แจ่มใส อารมณ์ที่ดี ปิดสวิตช์ไอ้ความรู้สึกแย่ๆ ซะ แล้วเอาพลังทั้งหมดที่ได้มาใช้ทำงาน แล้ว ก็สอนวาดรูป ผมก็เลยมีความสุข"

ชลิต นาคพะวัน เอ่ยกับ "ผู้จัดการ" เพราะเมื่อเราย่างเท้าก้าวไปสู่บ้านที่เป็นแกลลอรี่หลังสวย ในซอยอรรถวิมล นั้น ชั้นล่างจะพบภาพวาดรูปหัวใจสีชมพู บนแผ่นเฟรมขนาด ใหญ่ 170 x 190 เซนติเมตร และภาพวาดรูปหัวใจขนาดรองๆ ลงมา วางเรียงรายอยู่ทั่วห้อง ซึ่งเป็นภาพส่วนหนึ่งของการแสดงผลงานชุด "สุดที่รัก" ที่หอศิลป์ตาดู เมื่อเดือนเมษายน ปีที่ผ่านมา

ส่วนงานชิ้นอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยสีสันและจินตนาการที่สดใส ซึ่งเขาบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจมาจากการเห็นภาพเขียนของเด็กๆ งานของเขาส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคผสม ของ สีอะครีลิก สีน้ำมัน ยางพารา และแป้งฝุ่น มีการสร้างระดับผิวหน้าภาพที่หนาเตอะ สะท้อนภาพความซับซ้อนของเส้นสี และรูปทรงต่างๆ อย่างอิสระ

ชลิต นาคพะวัน หรือ "ชลิต กลิ่นสี" เป็นฉายาที่ได้สมัยเล่นภาพยนตร์ไทยของเปี๊ยก โปสเตอร์ เรื่อง กลิ่นสีและ กาวแป้ง และเป็นตัวประกอบอารมณ์ดีในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องในเวลาต่อมา พร้อมๆ กับการทำงานด้านศิลปะมาอย่าง ต่อเนื่องกว่า 10 ปี ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในประเภทของคนดัง หรือดาราเขียนรูปแน่นอน

จากเด็กหนุ่มชาวอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ชอบเรียนวาดรูป และมักทำคะแนนได้ดีในชั่วโมงศิลปะ เข้ามาศึกษาต่อด้านช่างศิลป์ และเอนทรานซ์ติดคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ เฮฮาปาร์ตี้อยู่พักหนึ่ง พร้อมๆ กับการเปิดสอนวาดรูป ที่บ้านเก่าย่านบางพลัด โดยเริ่มจากลูกหลานของพรรคพวกเพื่อนฝูง รวมทั้งได้ไปสอนจริงจังอยู่ที่สมาคมฝรั่งเศสประมาณ 1 ปี

เมื่อสองปีที่ผ่านมา เขามีโอกาสเข้ามาทานอาหารในร้านๆ หนึ่ง ในซอยอรรถวิมล แล้วมาพบบ้านหลังนี้เข้าในสภาพที่รกร้าง ต้นไม้ปกคลุมดูรกรุงรังไปหมด เพราะเจ้าของบ้านทิ้งไว้ไม่ได้เข้ามาดูนานหลายปี แต่ยังเห็นรูปทรงของบ้านเก่าที่มีร่องรอยของความสวยงาม พื้นที่ภายในแต่ละห้องกว้าง โปร่งโล่ง ภายนอกยังมีที่ว่างปลูกต้นไม้ เป็นบ้านเก่าใจกลางเมืองที่การคมนาคมสะดวก และยังสามารถแปรเปลี่ยนทำกิจกรรมต่างๆ ได้หลากหลาย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเช่าเพื่อทำเป็นโรงเรียน และแกลลอรี่ของตัวเองทันที

ในที่สุด บ้านหลังสีขาวที่มีสนามหญ้าสีเขียวหลังนี้ ก็ถูกปรับปรุงและเปิดเป็น "Chalit Art Project & Gallery" ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ จะมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ที่เข้ามาเรียนศิลปะ ส่วนวันพุธเป็นวันที่นักเรียนผู้ใหญ่จะแวะเวียนกันมาตามเวลาสะดวก ในขณะที่วันจันทร์ อังคาร เจ้าของบ้านจะให้เวลากับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะใหม่ๆ ของตนเองอย่างเต็มที่

เทคนิคการสอนของชลิต ได้มาจากประสบการณ์ที่ตกผลึกของตนเอง และสรุปออกมาเป็นแนวทางว่า ควรจะมีวิธีการสอนอย่างไร เขาเล่าว่าเมื่อลูกศิษย์เข้ามาสมัครก็จะพูดคุยกันก่อน แล้วค่อยสังเกตและศึกษาว่า คนคนนี้น่าจะชอบงานแบบไหน ในชั่วโมงแรกๆ อาจจะลองให้ทำงานหลายๆ อย่างก่อน เมื่อพบว่าลูกศิษย์ชอบและถนัดงานประเภทไหน ก็เน้นหนักสอนไปทางด้านนั้น

ทำอย่างไรให้คนเรียนชอบ ทำอย่างไรให้คนเรียนมีความสุขที่สุด คือโจทย์ที่เขาคอยหาคำตอบอยู่ตลอดเวลา และด้วยนิสัยที่ชอบคลุกคลีกับเด็กๆ ชอบดูงานศิลปะเด็กและเรียนรู้เรื่องความคิดของเด็ก ผนวกกับความเป็นคนที่ร่ำรวยอารมณ์ขัน ทำให้เขาเริ่มสนุกกับการสอน จนปัจจุบันมีลูกศิษย์ในวัยเด็กประมาณ 20 คน จนต้องมีครูผู้ช่วยอีก 2 คน

เด็กๆ จะเรียนวันเสาร์ อาทิตย์ ผู้ใหญ่จะมาเรียนวันพุธ หลักสูตรทั้งหมด 30 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ค่าสอนของผู้ใหญ่ 7,500 บาท ต่อ 1 หลักสูตร ค่าสอนของเด็ก 4,500 บาท

บ้านหลังนี้ต้องปรับปรุงอีกมาก อาจจะต้องติดแอร์ในห้องทำงานชั้นบน เพื่อเป็นที่ฉายหนัง ฉายสไลด์ ในชั่วโมงทฤษฎีของเด็กๆ แล้วตัวเองย้ายมาทำงานที่ลานบ้านข้างล่าง ทุกวันนี้ชลิตมีลูกศิษย์อายุตั้งแต่ 3 ขวบไปจนถึงวัย 50-60 ปี เป็นชีวิตในวัย 38 ปีอีกแบบหนึ่งที่มีความสุข และน่าจะลงตัว โดยที่ ตัวเองยังมีเวลาทำงานศิลปะ วาดภาพประกอบนิตยสาร และเขียนหนังสืออีกด้วยเขามีจุดมุ่งหมายว่าจะตั้งใจสร้างผลงานดีๆ ออกมาเรื่อยๆ เพราะเชื่อมั่นในสัจธรรมที่ว่าเมื่อตั้งใจจะทำงานสร้างสรรค์ดีๆ การยอมรับจะได้มาเอง

ปลายปีนี้ จะมีงานใหญ่อีกชิ้นหนึ่ง ที่จะพิสูจน์ตัวตน และความตั้งใจจริง ของชลิต นาคพะวัน ในผลงานที่ชื่อ "Scar Teach You"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us