|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กระเป๋าหนังแบรนด์เนมจากต่างประเทศมากมายที่เข้ามาตีตลาดไทย แม้จะมีราคาแพงหูฉี่ แต่คนไทยผู้มีอันจะกินมากมายต่างก็เลือกใช้สินค้าแบรนด์เนมนอกเหล่านี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคุณภาพสูงและดีไซน์สวย แต่ปัจจุบันเรื่องดีไซน์และคุณภาพ สินค้าฝีมือคนไทยก็ไม่ด้อยไปกว่าของนอกเหล่านั้นเลย เช่นเดียวกับ "Nancy Jane"แบรนด์เนมไทย ที่ผลิตและออกแบบด้วยฝีมือคนไทย
อรธิรา เจนหัตถการกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไกรหัตถการ จำกัด ผู้ผลิตกระเป๋าหนังแบรนด์ไทย "Nancy Jane" เปิดเผยว่า ตนเรียนจบจากคณะนิติศาสตร์ แต่เนื่องจากคุณพ่อก็มีสำนักงานทนายความอยู่แล้ว จึงอยากจะลองหาประสบการณ์ด้านอื่นดูก่อน ก็เริ่มมองหาธุรกิจเล็กๆ จนได้เจอกับช่างผลิตกระเป๋า จึงลองผลิตกระเป๋าหนังส่งตามออเดอร์ โดยได้งานจากเพื่อนๆ เป็นส่วนใหญ่
"ตอนงานเอเปกเราก็ได้เป็นผู้ผลิตกระเป๋าให้ผู้นำแต่ละชาติด้วย นอกจากนั้นก็ทำของพรีเมียม เช่นปกพจนานุกรมฉบับมติชน"
ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 นั้น ธุรกิจของเธอก็เป็นอีกหนึ่งที่โดนพิษ "ต้มยำกุ้งดีซีส" นี้ด้วย อรธิรา เล่าว่า ช่วงนั้นมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับ เพราะลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินให้ ทำให้เธอเกือบหมดตัวเหมือนกัน แต่ก็อดทนสู้ต่อ ไม่เลิก ไปทำอย่างอื่น ไม่หนีปัญหา แก้ปัญหาด้วยการพยายามหาลูกค้าใหม่ไปเรื่อยๆ และกำลังใจและกำลังช่วยเหลือสำคัญนั่นก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง
อรธิราสั่งสมประสบการณ์รับผลิตตามออเดอร์อยู่นานหลายปี จึงได้ริเริ่มคิดทำแบรนด์ของตัวเอง เนื่องด้วยความที่ชอบออกแบบ เวลาที่ผลิตให้คนอื่นก็อยากใส่นู่นใส่นี่ลงไปในแบบที่เขาให้มา อยากออกไอเดียเอง ประกอบกับที่อรธิราได้ไปอบรมในโครงการ NEC ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำให้รู้เรื่องการวางแผนธุรกิจ เธอจึงเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้น โดยใช้ชื่อแบรนด์ จากชื่อเล่นของเธอคือ "แนน" บวกกับคำต้นของนามสกุล คือ "เจน" มาเป็นชื่อ "Nancy Jane" และใช้ตราสัญลักษณ์เป็นรูปผีเสื้อสื่อถึงความเป็นผู้หญิง มีสีสัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์
โดยวัตถุดิบที่ใช้บางอย่างเป็นของไทย แต่บางอย่างก็นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งถ้ามองถึงคุณภาพก็ไม่ต่างกัน แต่หนังจากต่างประเทศจะมีความหลากหลายกว่า ในด้านสีสันและลวดลาย หนังที่ใช้หลักๆ จะเป็นหนังวัวและหนังแกะ ซึ่งหนังวัวจะสามารถอัดลายเป็นหนังจระเข้หรือนกกระจอกเทศได้ เพราะถ้าใช้หนังพวกนี้จริงๆ ต้นทุน จะสูงกว่ามาก ส่วนหนังแกะนั้นจะนิ่มและเนียนกว่าหนังวัว แต่ราคาก็จะสูงกว่าหลายเท่า จึงผลิตออกมา จำนวนน้อยกว่า ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ส่วนการบุด้านในก็ใช้หนังกลับสงเคราะห์ ซึ่งนุ่มมือและทนทาน แต่ราคาก็จะสูงกว่าผ้าที่เขาใช้บุกันทั่วไป
"ตั้งแต่ทำมาก็ออกแบบเองทั้งหมด จากความชอบความอยาก ได้ส่วนตัว แต่ต่อไปก็จะต้องหาทีม ดีไซเนอร์ เพราะเรามีความรับ ผิดชอบอื่นๆเพิ่มขึ้น จะมาออกแบบเองอีกก็คงไม่ไหว" เจ้าของ แบรนด์ "Nancy Jane" กล่าว
อรธิรา เริ่มนำ "Nancy Jane" ไปเสนอที่เดอะ มอลล์ กรุ๊ป และด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จึงถูกขอให้เป็น Exclusive Brand คือมีวางเฉพาะที่เดอะมอลล์ และดิเอ็มโพเรียม เท่านั้น ซึ่งได้เริ่มวางไปเมื่อต้นปี 2548
ผลตอบรับก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดย ตอนเข้ามาวางแรกๆ ทางห้างฯ ก็จะดูยอดของเราก่อน ซึ่งก็ขายได้ตามเป้าที่เขาวางไว้ และลูกค้าก็ชื่นชมผลิตภัณฑ์ของเรา บางคนก็ซื้อครั้งละหลายใบ และลูกค้าก็มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่ง 8-9 เดือนที่ผ่านมายอดจำหน่ายก็เพิ่มขึ้นเดือนละเท่าตัวตลอด
ด้านกลุ่มเป้าหมาย อรธิรา กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจกำหนด แต่จาก การเริ่มไปทดลองตลาด ลูกค้าส่วน ใหญ่ที่ได้ก็จะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ และเป็นคนทำงาน ซึ่งราคา ของผลิตภัณฑ์ก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพ วัตถุดิบ และการผลิต คือ ตั้งแต่ 400-12,000 บาท
นอกจากวางในเดอะ มอลล์ กรุ๊ปแล้ว "Nancy Jane" ก็ได้ออกงานกับกรมส่งเสริมอุตสาห-กรรมบ้าง ซึ่งล่าสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มาเห็นผลิตภัณฑ์ จึงแนะนำให้ลองเข้าโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น ซึ่ง ขณะนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกำลังช่วยดูเรื่องรายละเอียดต่างๆ ให้อยู่
เรื่องการส่งออกนั้น ตอนที่ยังไม่ได้ทำแบรนด์ก็มีชาวต่างชาติสั่งเป็นล็อตๆ ไปขาย ส่วนการส่งออกแบรนด์ "Nancy Jane" นั้น อรธิรากำลังศึกษากับกรมส่งเสริมการส่งออก และกำลังจะออกงานแสดงสินค้าของกรมฯ ซึ่งเป็นงานแสดงในประเทศ และถ้าเตรียมตัว ทันในเดือนมีนาคมปีหน้า ก็จะได้ไปแสดงสินค้าที่ประเทศเยอรมนีกับสมาคมเครื่องหนังไทยด้วย
อรธิรา กล่าวต่อว่า ถ้าเปรียบเทียบเรื่องคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ของเธอสู้แบรนด์นอกได้แน่นอน และราคาก็เป็นราคาคนไทย โดยในตอนนี้อยู่ในช่วงค่อยๆ ทำการประชาสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ เพื่อให้แบรนด์ไทยของเธอเป็นที่รู้จักของคนไทย เช่น การลงโฆษณาในหน้านิตยสารผู้หญิง การทำโปรโมชันร่วมกับทางห้างฯ เพื่อแนะนำตัวให้ลูกค้าได้รู้จัก ได้ลองซื้อไปใช้
"ลูกค้าส่วนมากก็จะกลับมาซื้อซ้ำ และบอกเราว่าคุณภาพไม่ต่าง จากของแบรนด์เนมนอก การบริการหลังการขายเราก็รับผิดชอบ ดูแลลูกค้า ทำให้เขาประทับใจ รับประกันสินค้าตลอดการใช้งาน"
"เท่าที่ได้พูดคุยกับลูกค้าก็พบว่า ถ้าคนไทยผลิตสินค้าคุณภาพ ดีทัดเทียมของนอก เขาก็พร้อมจะสนับสนุนของไทย เพราะฉะนั้นผู้ผลิตของไทยก็ต้องผลิตของที่มีคุณภาพออกมา ในราคาสมเหตุสมผล คนไทยก็จะเลือกใช้ของไทยเอง" อรธิรา กล่าวในที่สุด
|
|
|
|
|