|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ท็อปส์ฯ เผยครึ่งปีแรกยอดขายกลุ่มสินค้าผักผลไม้เติบโตร่วม 40% คาดเป็นผลพวงจากการรณรงค์ "ลำไย- ลองกองช่วยชาติ" ล่าสุดเป็นโมเดิร์นเทรดรายเดียวรับซื้อลองกองจาก 3 จังหวัดใต้ขายในท็อปส์ฯ
นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน" ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.48) ยอดขายของท็อปส์ฯในกลุ่มสินค้าผักและผลไม้มีอัตราการเติบโตที่สูงมากถึง 36% แม้ว่าจะมีสัดส่วนของยอดขายเพียง 7% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการจัดกิจกรรมหาตลาดและขยาย ตลาดให้แก่เกษตรกร อาทิ การจัดเทศกาล ลำไย (ก.ค.-ส.ค.48) โดยรับซื้อลำไย 200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกร จ.ลำพูนและเชียงใหม่ มาขายในท็อปส์ฯ ทุกสาขา ส่งผลให้ยอดขายลำไยในปีนี้เติบโตจากปีก่อนถึง 95% ล่าสุดท็อปส์ฯ เป็นโมเดิร์นเทรดเพียงรายเดียวที่ลงนามกับรัฐบาลในการรับซื้อลองกองมาจากเกษตรกรใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำมาจำหน่าย ในท็อปส์ฯทุกสาขา
ส่วนกิจกรรมตลาดในครึ่งปีหลังเตรียมจะจัดเทศกาลผักและผลไม้เมืองหนาว โดยส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผักและผลไม้ อาทิ ส้ม, สตรอเบอรี จากสหรัฐอเมริกา, ออสเตร-เลีย, จีน และญี่ปุ่น ที่เหลือรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกร จ.เชียงใหม่ โดยปกติสินค้ากลุ่มผักและผลไม้จะมีสัดส่วนการนำเข้า25% ที่เหลืออีก 75% เป็นการรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรหรือซัปพลายเออร์ในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ราย ซึ่งจะเน้นพืชผักอนามัย และปลอดสารพิษ
นอกจากนั้น การเติบโตของกลุ่มสินค้าดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการเร่งขยายสาขาของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 79 สาขาในปัจจุบัน จากปีก่อนที่มีเพียง 47 สาขา คาดว่าการจัดกิจกรรมตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง และการขยายสาขาให้ครบ 90 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% ในปีนี้
ที่ผ่านมา บริษัทฯอาศัยข้อมูลพฤติกรรม การใช้จ่ายของลูกค้าแต่ละรายจากบัตรสปอต รีวอร์ดของท็อปส์ฯ ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกไม่ต่ำกว่า 2 ล้านราย มาช่วยในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายต่างๆ ส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก โดยล่าสุดได้จัดโปรโมชันลดราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งผักและผลไม้ ด้วย ภายใต้ชื่องาน "ฟรุ้ทส์ นิปปอน แฟร์ 2548" ซึ่งท็อปส์ฯได้ส่งจดหมายไปยังลูกค้ากลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าญี่ปุ่น ซึ่งรู้จากข้อมูลในบัตรสปอต รีวอร์ด โดยงานดังกล่าวนี้จะจัดเปิดตัวในวันศุกร์ที่ 2 กันยายนนี้ที่มาร์เก็ตเพลส บาย ท็อปส์ฯ สาขาทองหล่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างท็อปส์ฯกับบริษัท ไดโซ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกและนเข้าอาหารจากประเทศญี่ปุ่น บริษัท ซัน โกลบ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกผลไม้ญี่ปุ่น
ในปีหน้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตเตรียมจะปรับปรุงโฉมท็อปส์ฯ สาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อทำให้ท็อปส์ฯ กลายเป็นเดสทิเนชัน ซูเปอร์มาร์เกต หรือใครๆ ก็อยากมาชอปที่ท็อปส์ฯ ทั้งนี้ได้กำหนดปรับปรุงท็อปส์ฯสาขาเดิมให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 18 เดือน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนออกแบบ
ส่วนการขยายสาขานั้นจะมุ่งเน้นขยายสาขาไปในต่างจังหวัดโดยมี 2 รูปแบบได้แก่ การขอเช่าพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น และการตกลงแบ่งรายได้กัน โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ห้างฯ โดยแต่ละสาขามีพื้นที่ขาย 1,000-5,000 ตารางเมตร และใช้เงินลงทุน 30-50 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้ที่ผ่านมาในไตรมาสแรกได้ร่วมมือกับห้างฯแหลมทอง เปิดท็อปส์ฯ สาขาระยอง, บางแสน และศรีราชา เนื่องจากทางห้างฯแหลมทองมองว่าท็อปส์ฯจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าห้างฯได้อย่างดี ส่วนแนวโน้มที่จะไปเปิดสาขาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความเป็นไปได้ถ้าสามารถหาพื้นที่เช่าในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ท้องถิ่นได้
|
|
|
|
|