Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 กันยายน 2548
ยอดขายผักผลไม้ท็อปส์พุ่ง30% รับซื้อ "ลำไย-ลองกอง"ช่วยชาติ             
 


   
search resources

Commercial and business
Retail




ท็อปส์ฯ เผยครึ่งปีแรกยอดขายกลุ่มสินค้าผักผลไม้เติบโตร่วม 40% คาดเป็นผลพวงจากการรณรงค์ "ลำไย- ลองกองช่วยชาติ" ล่าสุดเป็นโมเดิร์นเทรดรายเดียวรับซื้อลองกองจาก 3 จังหวัดใต้ขายในท็อปส์ฯ

นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน" ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.48) ยอดขายของท็อปส์ฯในกลุ่มสินค้าผักและผลไม้มีอัตราการเติบโตที่สูงมากถึง 36% แม้ว่าจะมีสัดส่วนของยอดขายเพียง 7% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการจัดกิจกรรมหาตลาดและขยาย ตลาดให้แก่เกษตรกร อาทิ การจัดเทศกาล ลำไย (ก.ค.-ส.ค.48) โดยรับซื้อลำไย 200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกร จ.ลำพูนและเชียงใหม่ มาขายในท็อปส์ฯ ทุกสาขา ส่งผลให้ยอดขายลำไยในปีนี้เติบโตจากปีก่อนถึง 95% ล่าสุดท็อปส์ฯ เป็นโมเดิร์นเทรดเพียงรายเดียวที่ลงนามกับรัฐบาลในการรับซื้อลองกองมาจากเกษตรกรใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำมาจำหน่าย ในท็อปส์ฯทุกสาขา

ส่วนกิจกรรมตลาดในครึ่งปีหลังเตรียมจะจัดเทศกาลผักและผลไม้เมืองหนาว โดยส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผักและผลไม้ อาทิ ส้ม, สตรอเบอรี จากสหรัฐอเมริกา, ออสเตร-เลีย, จีน และญี่ปุ่น ที่เหลือรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกร จ.เชียงใหม่ โดยปกติสินค้ากลุ่มผักและผลไม้จะมีสัดส่วนการนำเข้า25% ที่เหลืออีก 75% เป็นการรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรหรือซัปพลายเออร์ในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ราย ซึ่งจะเน้นพืชผักอนามัย และปลอดสารพิษ

นอกจากนั้น การเติบโตของกลุ่มสินค้าดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการเร่งขยายสาขาของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 79 สาขาในปัจจุบัน จากปีก่อนที่มีเพียง 47 สาขา คาดว่าการจัดกิจกรรมตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง และการขยายสาขาให้ครบ 90 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% ในปีนี้

ที่ผ่านมา บริษัทฯอาศัยข้อมูลพฤติกรรม การใช้จ่ายของลูกค้าแต่ละรายจากบัตรสปอต รีวอร์ดของท็อปส์ฯ ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกไม่ต่ำกว่า 2 ล้านราย มาช่วยในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายต่างๆ ส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก โดยล่าสุดได้จัดโปรโมชันลดราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งผักและผลไม้ ด้วย ภายใต้ชื่องาน "ฟรุ้ทส์ นิปปอน แฟร์ 2548" ซึ่งท็อปส์ฯได้ส่งจดหมายไปยังลูกค้ากลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าญี่ปุ่น ซึ่งรู้จากข้อมูลในบัตรสปอต รีวอร์ด โดยงานดังกล่าวนี้จะจัดเปิดตัวในวันศุกร์ที่ 2 กันยายนนี้ที่มาร์เก็ตเพลส บาย ท็อปส์ฯ สาขาทองหล่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างท็อปส์ฯกับบริษัท ไดโซ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกและนเข้าอาหารจากประเทศญี่ปุ่น บริษัท ซัน โกลบ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกผลไม้ญี่ปุ่น

ในปีหน้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตเตรียมจะปรับปรุงโฉมท็อปส์ฯ สาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อทำให้ท็อปส์ฯ กลายเป็นเดสทิเนชัน ซูเปอร์มาร์เกต หรือใครๆ ก็อยากมาชอปที่ท็อปส์ฯ ทั้งนี้ได้กำหนดปรับปรุงท็อปส์ฯสาขาเดิมให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 18 เดือน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนออกแบบ

ส่วนการขยายสาขานั้นจะมุ่งเน้นขยายสาขาไปในต่างจังหวัดโดยมี 2 รูปแบบได้แก่ การขอเช่าพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น และการตกลงแบ่งรายได้กัน โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ห้างฯ โดยแต่ละสาขามีพื้นที่ขาย 1,000-5,000 ตารางเมตร และใช้เงินลงทุน 30-50 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้ที่ผ่านมาในไตรมาสแรกได้ร่วมมือกับห้างฯแหลมทอง เปิดท็อปส์ฯ สาขาระยอง, บางแสน และศรีราชา เนื่องจากทางห้างฯแหลมทองมองว่าท็อปส์ฯจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าห้างฯได้อย่างดี ส่วนแนวโน้มที่จะไปเปิดสาขาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความเป็นไปได้ถ้าสามารถหาพื้นที่เช่าในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ท้องถิ่นได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us