Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 กันยายน 2548
แบงก์ชาติเผยเศรษฐกิจก.ค.ชะลอตัว เกินดุลบัญชีเดินสะพัด169ล้านดอลลาร์             
 


   
search resources

Economics




แบงก์ชาติเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ชะลอตัวลง เหตุหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า แต่เสถียรภาพยังอยู่ในเกณฑ์ดี ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวก 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการปรับตัวดีขึ้นทั้งดุลการค้าและดุลบริการ คาดเศรษฐกิจครึ่งปี หลังขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกจาก การส่งออกและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น พร้อมเผยขอเวลาอีก 1-2 เดือน ก่อนจะพิจารณาทบทวนตัวเลข จีดีพีใหม่

นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวย การอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจภายในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจ ของเดือนกรกฎาคมโดยรวมชะลอลงจากเดือนก่อนหน้านี้ โดยมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ เช่น ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงมากทะลุ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ไทยประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น การปรับระบบค่าเงินหยวนของ จีนและค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย การเร่งกำลังการผลิตในภาคตะวันออก และเหตุการณ์ระเบิดที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ 2 ครั้ง

จากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องทำให้ราคาขายปลีก น้ำมันเบนซิน และดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น 3 บาทภายใน 1 เดือน ทำให้ราคาสินค้าวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นทุกรายการส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจชะลอการใช้จ่ายและการลงทุนลง โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.1% จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 3.9%Ž

ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวมาอยู่ที่ 8.3% ลดลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 9.8% ซึ่งสอดคล้องกับการนำเข้าที่ชะลดตัวลง โดยการนำเข้าในเดือนกรกฎาคมมีมูลค่าทั้งสิ้น 9,687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 22.4% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 34.6% จากการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนที่ชะลอลง ซึ่งมูลค่าการ นำเข้าดังกล่าวเป็นน้ำมันดิบจำนวน 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก เดือนก่อน 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่การส่งออกมีมูลค่าการส่งออกมีจำนวนทั้งสิ้น 9,349 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.8% ซึ่งสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ แผงวงจรรวม ชิ้นส่วนที่ปรับตัวดีขึ้นตามวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาห-กรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นต้น ทั้งนี้ จากปริมาณการนำเข้าและส่งออก ดังกล่าวจึงทำให้ดุลการค้าขาดดุลเพียง 338 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนที่ขาดดุล 1,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบริการเกินดุล 507 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนดุลการชำระเงินเกินดุล 268 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนี้ต่างประเทศลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 48,700 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภาคการส่งออก จะเห็นว่าการส่งออกในภาคเกษตรยังคงลดลง 8.6% เนื่องจากไม่มีสินค้าที่จะส่งออกจากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามภาคการเกษตรยังคงมีรายได้เพิ่มขึ้น 21.6% จากราคาผลิตผลที่เพิ่มขึ้น 21.7% ตามราคาตลาดโลกในขณะที่ผลผลิตลดลง 0.1%

ทั้งนี้ ในส่วนรัฐบาลเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 12.1% ลดลงจากเดือน ก่อน 18.5% จากการชะลอลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกภาคที่อัตราการขยายตัวยังลดลงต่อเนื่องโดยในเดือน ก.ค.การท่องเที่ยวลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าการท่องเที่ยวดีขึ้นเล็กน้อยโดยการท่องเที่ยวที่ลดลงนั้นมาจากผลจากระเบิดที่ลอนดอนและความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้รวมทั้งการเตือนภัยสึนามิครั้งใหม่

นางสุชาดากล่าวต่อว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจาก การส่งออกและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังมีงบกลางเหลืออยู่ 50,000 ล้านบาทที่ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นทาง ธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้านักลงทุนมีความมั่นใจในการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นซึ่งอาจจะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ธปท. ต้องรอพิจารณาตัวเลขอีกประมาณ 1-2 เดือนก่อนที่จะทบทวนตัวเลขการประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยขณะนี้ยังใช้ประมาณการภายใต้ราคาน้ำมันเฉลี่ยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ที่ 54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจากรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ ระบุว่าโอกาสความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4% ขึ้นไป โดยมีความเป็นไปได้ 29.2%

"แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจ เดือนกรกฎาคมจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่เชื่อว่าครึ่งหลังของปี 2548 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.5-4.5% ตามเป้าที่ ธปท.ตั้งไว้ โดยมีแรงสนับสนุนมาจากการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน บรรยากาศการลงทุนและกำไรในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1-2 ก็ยังดีอยู่ นอกจากนี้ยังเชื่อว่ารายได้ภาคการท่องเที่ยว ในไตรมาสที่ 4 จะเพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว" นางสุชาดา กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us