Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2545
มิติใหม่ของการแก้ปัญหา NPL             
 


   
search resources

บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย




การตัดสินใจลดมูลหนี้ให้กับบริษัทซับไมครอน คิดเป็นสัดส่วนถึง 86% อาจเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงแนวคิดในการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบรรษัทบริหาร สินทรัพย์ไทย (บสท.) ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน กำลังจะมีการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้การดำเนินงานของ บสท. เป็นไปตามทิศทาง และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการจัดตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน

กระบวนการการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นสิ่งที่พูดกันตลอด เวลา 5 ปี หลังประเทศไทยต้องประสบกับวิกฤติว่า แนวทางที่ได้มีการนำมาใช้กันนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด

การปรับโครงสร้างหนี้ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ใช้วิธียืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ ยังไม่มีการลงลึกไปถึงรายละเอียด ของโครงสร้างของหนี้ ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น และดอกเบี้ย ค้างจ่าย

โดยเฉพาะตัวหลังซึ่งมีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากเกณฑ์การคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่ถูกกำหนดไว้ในอัตราสูงลิ่ว

การใช้วิธียืดระยะเวลาการชำระหนี้ โดยยังคงยอดเงินต้น และดอกเบี้ยค้างชำระไว้เท่าเดิม ถึงที่สุดแล้วลูกหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้าง ก็จะต้องหวนกลับมาเป็น NPL รอบใหม่ เพราะมูลหนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อคราวไปขอกู้ครั้งแรกอย่างมาก จากการที่ธนาคารเจ้าหนี้ได้รวมยอดดอกเบี้ยค้างจ่ายเข้าไปไว้กับยอดเงินต้น เมื่อประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้มีน้อยลง

สิ่งที่มีการเรียกร้องกันมาก คือการตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ โดยการพบกันแบบครึ่งทาง ระหว่างฝ่ายเจ้าหนี้ที่ต้องยอมลดยอดมูลหนี้ลงมาโดยเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยค้างจ่าย ส่วนลูกหนี้ก็จะต้องยอมสละความเป็นเจ้าของให้เหลือน้อยลง โดยการหาผู้ร่วมทุนรายใหม่

แต่ดูเหมือนสถาบันการเงินแทบทุกแห่งไม่กล้าตัดสินใจนำวิธีนี้มาใช้ เพราะเกรงว่าจะมีผลต่อรายได้ของตนเองในอนาคต

การแก้ไขปัญหา NPL ในช่วงที่ผ่านมา จึงดำเนินการไปได้ช้ามาก

เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขามีนโยบายที่ชัดเจนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด โดยการออกพระราชกำหนดจัดตั้งบสท. ขึ้นมารับผิดชอบการแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ

แต่เนื่องจากโครงสร้างของคนทำงานใน บสท. ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้าราชการประจำ ถูกตีกรอบไว้ด้วยระเบียบ กฎเกณฑ์ ของทางการ จึงทำให้ขาดความกล้าในการตัดสินใจแก้ไขหนี้แต่ละรายอย่างเบ็ดเสร็จ แม้ว่าโดยเนื้อหาในกฎหมาย บสท.ที่รัฐบาลนี้ได้นำเสนอจนผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ ได้มอบอำนาจการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดให้กับคณะกรรมการบริหารบสท.แล้วก็ตาม

โครงสร้างคนทำงานดังกล่าว ทำให้ตลอดเวลากว่า 1 ปี การแก้ไขปัญหา NPL ที่ดำเนินการโดย บสท.จึงยังไม่มีความคืบหน้าจนเป็นที่พอใจของรัฐบาล และว่ากันว่าด้วยสาเหตุนี้ เป็นผล ให้มีการเปลี่ยนตัวกรรมการผู้จัดการ บสท.จาก ร.ต.ยอดชาย ชูศรี ที่มาจากแบงก์ชาติ เป็นสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ที่ขอยืมตัวมาจากบริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ เมื่อ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา

การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บสท.ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะมีผลให้แนวคิดในแก้ไขปัญหา NPL ของบสท.ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ

การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหาร บสท. ซึ่ง มีสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นประธาน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญยิ่ง

มติที่ประชุมในวันนั้น บสท.ได้ยอมลดมูลหนี้ให้กับบริษัทซับไมครอน เทคโนโลยี่ เป็นวงเงินถึง 1.2 หมื่น ล้านบาท หรือ 86% ของมูลหนี้เดิม ที่ บสท.ได้รับโอนมาประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท

การตัดสินใจครั้งนี้ เป็นผลให้กิจการของซับไมครอนสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ภายหลังจากต้องหยุด ชะงักมาเป็นเวลากว่า 5 ปี

ซับไมครอน เป็นเจ้าของโครงการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (เวเฟอร์แฟบ) ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังมีความต้องการในตลาด ปัญหาของโครงการนี้คือจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และโชคร้ายที่โครงการนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจของไทยกำลังจะถึงจุดวิกฤติ

หลังวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 โครงการที่ได้ลงทุน ไปแล้วกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องหยุดชะงักลง บริษัทที่กำลังจะได้เข้าไประดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องกลายเป็น NPL ด้วยมูลหนี้ที่สูงถึง 1.9 หมื่นล้านบาท

ช่วงที่ผ่านมา ชาญ อัศวโชค เจ้าของโครงการพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ แต่แผนการ ของเขาไม่ได้รับการยอมรับ จนในที่สุด NPL รายนี้ต้องถูกโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของบสท.

ชาญใช้เวลาเจรจากับเจ้าหนี้กว่า 4 ปีไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ บสท.ใช้เวลาพิจารณาเพียง 1 ปี กลับสามารถหาทางออกให้ได้

การตัดสินใจลดมูลหนี้ลง 86% เพื่อเปิดทาง Infineon และ Meissmer & Wuist ผู้ลงทุนจากเยอรมนี นำเงินก้อนใหม่ใส่เข้ามา มีผลให้โครงการนี้สามารถเริ่มต้นเดินหน้าต่อไปได้ในต้นปีหน้า และจะเป็นการเพิ่มการจ้างงานให้กับคนไทยอีกประมาณ 1 แสนคน

การแก้ไขปัญหาให้กับบริษัทซับไมครอน นับเป็นมิติใหม่ของการแก้ไข NPL ของไทย และหาก บสท.กล้า ตัดสินใจเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าการแก้ไข NPL ทั้งระบบจะประสบความสำเร็จได้ในอีกไม่นานนัก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us