ตัวเลขประชากรในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งเมื่อรวมแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรรวมของประเทศจีน ดูจะเป็นพื้นที่เป้าหมายทางการตลาดใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล (Central Retail Corporation : CRC) ที่ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของพื้นที่เป้าหมายใหม่บริเวณนี้
"ทุกวันนี้เราขายของให้คนไทย 60 ล้านคน แต่เมื่อดูจากตัวเลขประชากรอย่างในอินโดนีเซียที่มีถึง 220 ล้านคน ในฟิลิปปินส์ 80 ล้านคน กับเวียดนามอีก 80 ล้านคน เป็นตลาดใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาอีก 380 ล้านคน เมื่อรวมในไทยด้วยก็เป็นเกือบครึ่งหนึ่งของจีน และในอนาคตเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ก็ยังจะโตต่อเนื่องไปอีก" ทศ จิรา ธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CRC ให้มุมมองถึงศักยภาพของพื้นที่ดังกล่าว ภายในงานแถลงข่าวที่ใช้ชื่อว่า "Big step forward" เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
การขยายกิจการไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นเป้าหมายหลักที่ถูกบรรจุไว้ในวิสัยทัศน์ 5 ปี (Vision 2010) ที่ CRC กำลังจัดทำ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมประกาศได้ประมาณต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
Vision 2010 เป็นแผนธุรกิจที่ CRC จะดำเนินการในระหว่างปี 2548-2553 (ค.ศ.2005-2010) โดยมีเป้าหมายที่จะขึ้นไปเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของภูมิภาคเอเชีย โดยมีภารกิจหลัก 2 ประการคือการดำเนินการต่อเนื่องในโครงการ Central World Plaza เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกภายในประเทศ และการขยายการ ลงทุนออกสู่ต่างประเทศ เริ่มจากภูมิภาคอาเซียนโดยจะเลือกประเทศ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็น 2 ประเทศแรกที่จะออกไปลงทุน
ก่อนหน้านี้ CRC เพิ่งประสบความสำเร็จกับ Vision 2005 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจระหว่างปี 2543-2548 (ค.ศ.2000-2005) ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำยอดขายรวมให้ได้ 58,000 ล้านบาทภายในปี 2548 (2005) แต่ปรากฏว่ายอดขายของ CRC ได้ทะลุเป้าที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ งวดสิ้นปีที่แล้ว (2547) โดยมียอดขายรวม 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 (2003) ถึง 50%
ส่วนครึ่งแรกของปีนี้ CRC มียอดขายรวม 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 27% และคาดหมายว่าตลอดทั้งปี จะมียอดขายรวม 70,000 ล้านบาท
ซึ่งตัวเลขนี้อาจดูน้อยเกินไป เมื่อคำนึงถึงเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของเอเชียที่มีขนาดของตลาดโตกว่าเมืองไทยประเทศเดียวหลายเท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า
การออกไปลงทุนยังต่างประเทศ นอกจากเพื่อเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำแล้ว CRC ยังมองว่าเป็นโอกาสสำหรับการสร้างแบรนด์ในต่างประเทศ และเป็นแหล่งระบายสินค้าให้กับซัปพลายเออร์ของ CRC ที่มีอยู่ประมาณ 4,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการชาวไทย และเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
การมองพื้นที่กลุ่มประเทศอาเซียนของ CRC ถือเป็นอีกหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่จากประเทศไทย ที่ประกาศ ตัวว่าจะเป็น regional leader เพราะก่อนหน้านี้เครือซิเมนต์ไทยก็เคยประกาศนโยบายที่มีเป้าหมายเดียวกันนี้ออกมาแล้วเช่นกัน
|