|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2548
|
|
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมต่อเนื่องจนถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต้องถือว่าเป็นช่วงที่ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทในเครือมีงานชุกที่สุดช่วงหนึ่งเลยทีเดียว ไล่เรียงกันไปตั้งแต่การเปิดตัว Ideal Card ที่เป็นบัตรเครดิตติดชิปของฝ่ายบัตรเครดิตในวันที่ 19 กรกฎาคม การแถลงความร่วมมือระหว่างลีสซิ่งกสิกรไทยกับ 5 บริษัทประกันภัยชั้นนำของไทย ในวันที่ 26 และวันถัดมาก็เปิดตัวโครงการ "กู้บ้านแถมแจ๋ว" ของฝ่ายสินเชื่อบุคคล ก่อนจะปิดวันทำการสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ด้วยการทำพิธีเปิด บล.กสิกรไทยอย่างเป็นทางการ
ตามมาด้วยการลงนามแต่งตั้งให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในวันที่ 5 สิงหาคม และปิดท้ายด้วยการเริ่มดำเนินธุรกิจของลีสซิ่งกสิกรไทย ในวันที่ 8 เดือน 8 (สิงหาคม) ซึ่งถือเป็นเลขดีตามความเชื่อของชาวจีน และเป็นเลขนำโชคที่ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของธนาคารกสิกรไทย ใช้ในกิจกรรมและธุรกรรมต่างๆ ตลอดมา
มหกรรมกสิกรไทยครั้งนี้ที่มีครบเครื่องทั้งในด้านสินเชื่อ ตราสารหนี้และตราสารทุน จึงน่าจะเป็นการแสดงความพร้อมของกสิกรไทยอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด หลังจากที่บัณฑูร ล่ำซำ ได้เปิดตัว KBank Group ต่อสื่อมวลชนตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 เมษายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการของ 2 บริษัทในเครืออย่าง บล.กสิกรไทยและลีสซิ่งกสิกรไทย ที่ถึงแม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการแต่ก็ถือเป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญในการเติมเต็มบริการทางการเงินให้กับเครือกสิกรไทย (รายละเอียดอ่าน "New Era of Banking Industry" ฉบับกรกฎาคม 2548)
จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จะมีผู้บริหารจากธนาคารและบริษัทในเครือมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าตั้งแต่บรรยงค์ ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคาร พล.ต.อ.เภา สารสิน รองประธานกรรมการ บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ นอกจากนี้ยังมีแขกเหรื่อในวงการมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ทั้งผู้บริหารกองทุนรวมไปจนถึงเพื่อนร่วมวงการอย่างมนตรี ศรไพศาล จาก บล.กิมเอ็ง และสุวิทย์ มาไพศาลสิน จาก บล.ภัทร
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยได้ตั้งเป้าระยะ 3 ปีจะมีรายได้จากฝ่ายวาณิชธนกิจจำนวน 150 ล้านบาท และในฝั่งโบรกเกอร์มีส่วนแบ่งตลาดขั้นต่ำ 3% ขึ้นไป ขณะที่ธุรกิจลีสซิ่งก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินงานคือ การขึ้นติดอันดับผู้เล่นรายใหญ่ 3 อันดับแรกในธุรกิจเช่าซื้อของไทยภายในเวลา 5 ปี โดยแคมเปญแรกที่เปิดออกมาพร้อมกับการเปิดตัวบริษัทก็คือ การให้ข้อเสนอกับลูกค้า Platinum ของธนาคารกสิกรไทย 8 คนแรกที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ E240 หรือ BMW 320 iSE ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันและสามารถเลือกผ่อนในอัตราดอกเบี้ย 0.88% สำหรับระยะเวลา 12 หรือ 24 เดือน หรือดอกเบี้ย 1.88% สำหรับการผ่อน 36 หรือ 48 เดือน แคมเปญนี้สะท้อนปรัชญาการแข่งขันของลีสซิ่งกสิกรไทย ที่พร้อมใช้กลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำเข้าชิงลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการ integrate การทำงานระหว่างธนาคารกสิกรไทยกับบริษัทในเครือ ซึ่งหลังจากนี้น่าจะมีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเองก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยในฝั่งของธุรกิจบัตรเครดิตได้เปิดตัวบัตรเครดิตรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีชิป เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานและป้องกันการปลอมแปลงได้ดีกว่าบัตรแถบแม่เหล็กในปัจจุบัน พร้อมกับแย้มให้ฟังถึงเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตรในปีนี้อีก 100,000 ราย ทำให้ยอดผู้ถือบัตรรวมเข้าใกล้ 1 ล้านใบมากขึ้น
ส่วนในฝั่งสินเชื่อผู้บริโภค โดยเฉพาะสินเชื่อเคหะที่ในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อเอาไว้ถึง 21,040 ล้านบาท ถึงแม้ยอด 6 เดือนแรกที่ผ่านมาจะทำได้ตามเป้าและมีอัตราการขยายตัวจากปีที่แล้วถึง 23% แต่แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มชะลอตัวจากผลกระทบของปัจจัยภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน ทำให้กสิกรไทยต้องออกแคมเปญกระตุ้นตลาดเพื่อเร่งผลักดันยอดให้ถึงตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยมีทั้งการใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 รูปแบบให้ลูกค้าได้เลือกตามความพอใจ ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับพันธมิตรคือ พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (PCS) ซินไฉฮั้ว คาดูแลค และสยามเอ็มไพร์ จัดโครงการ "กู้บ้านแถมแจ๋ว" เพื่อให้ลูกค้าเลือกรับบริการเกี่ยวกับบ้าน จากพันธมิตรทั้ง 4 ราย ซึ่งถือเป็นความพยายามของกสิกรไทยในการให้ทางเลือกกับลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสนองความต้องการ ของลูกค้าให้มากที่สุดตามนโยบาย customer centric ที่ได้ประกาศ มาตั้งแต่ตอนต้นปี
สำหรับงานเซ็นสัญญาแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทยเป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ต้องถือว่าเป็นหน้าตาของกสิกรไทยไม่น้อย โดยพันธบัตรดังกล่าวมีวงเงิน 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอายุ 5 และ 7 ปี จะทยอยออกจำหน่ายสลับกันเดือนละ 1 รุ่น ตั้งแต่สิงหาคมนี้ไปจนถึงกรกฎาคม 2549 การที่กสิกรไทยได้รับเลือกในครั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากผลงานด้านตราสารหนี้ของธนาคารในปีที่ผ่านมาที่สามารถคว้ารางวัล Best Bond House จาก ThaiBDC มาได้
ผลตอบแทนที่กสิกรไทยได้รับจากงานนี้ นอกจากค่าธรรมเนียมในการจำหน่าย 0.1% ของวงเงินที่เสนอขายแล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่เดิมไม่เคยทำธุรกรรมใดๆ กับกสิกรไทยมาก่อน แต่มาจองซื้อพันธบัตรครั้งนี้ และจะเป็นโอกาสให้ธนาคารสามารถต่อยอดนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินอื่นๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต
เรียกว่างานนี้ "ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว"
|
|
|
|
|