ภาพรวม ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PricewaterhouseCoopers - PwC) ก่อตั้งเมื่อปี
1998 จากการผนวกกิจการระหว่างบริษัทบัญชีอันดับสี่ และอันดับหกของโลก ซึ่งส่งผลให้บริษัทรั้งตำแหน่งบริษัทด้านการบัญชีอันดับสองของโลกในปัจจุบัน
แต่ขณะนี้ PwC กำลังดำเนินการแยกธุรกิจส่วน ที่ปรึกษาออกจากธุรกิจตรวจสอบบัญชี
เพื่อให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นหลัง จาก ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดหลักการขัดกันของผลประโยชน์นับพันกรณี
อีกทั้งเป็นการแยกธุรกิจหลังจาก ที่คู่แข่งสำคัญคือ "แอนเดอร์เซน เวิลด์ไวด์
(Andersen Worldwide) และ "ดีลอยท์ ทูช โทมัตสึ" (Deloitte Touche
Tohmatsu) ดำเนินการไปแล้ว
การผนวกกิจการของไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ (Price Waterhouse) และ คูเปอร์ส แอนด์
ไลแบรนด์ (Coopers & Lybrand) เป็นไปตามหลักการประสานความแข็งแกร่ง ที่ต่างฝ่ายต่างมี
เพื่อสนองความต้องการของทั้งสองบริษัท คือ ให้บริการที่ครอบคลุมทุกด้านแก่ลูกค้า
ที่เป็นบริษัทข้ามชาติ ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์นั้น มีจุดแข็งในแง่ของธุรกิจสื่อบันเทิง
และ สาธารณูปโภค ส่วนคูเปอร์ส ไลแบรนด์ ถนัดทางด้านโทรคมนาคม และเมืองแร่
เมื่อผนวกกิจการเป็น PwC จึงทำให้ชื่อ "Big Six" ในธุรกิจ แขนงนี้เปลี่ยนมาเป็น
"Big Five"
PwC ยังเป็นกิจการที่ให้บริการระดับมืออาชีพมียอดรายได้ต่อปีถึง 15 พันล้านดอลลาร์
อีกทั้งยังเคยติดอันดับบริษัทการบัญชีอันดับหนึ่งของโลก ก่อน ที่จะคืนตำแหน่งให้กับบริษัท
ที่เป็นผู้นำมาอย่างยาวนานอย่าง "แอนเดอร์เซน เวิลด์ไวด์" ซึ่งเติบโตอย่างมากในธุรกิจที่ปรึกษา
PwC มีฐานกิจการอยู่ ที่นิวยอร์ก ให้บริการด้านการบัญชี การตรวจสอบบัญชี
และธุรกิจอื่นๆ โดยมีสำนักงานกว่า 850 แห่ง ใน 150 ประเทศ
ความเป็นมา
ในปี 1850 ซามูเอล ไพร้ซ ก่อตั้งบริษัทบัญชีขึ้นในลอนดอน และในปี 1865 ก็ได้รวมกับกิจการที่เป็นหุ้นส่วน
คือ "เอ็ดวิน วอเตอร์เฮาส์" (Edwin Waterhouse) บริษัทเติบโตขึ้นพร้อมกับ
ที่ธุรกิจแขนงนี้ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ ที่เติบโตขึ้น
และต้องอาศัยเอกสารทางการเงิน ที่เป็นแบบแผน และในปลายทศวรรษ 1800 ไพร้ซ
วอเตอร์เฮาส์ ก็กลายเป็นบริษัทบัญชี ที่รู้จักกันทั่วโลก
สำนักงานของไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ ในสหรัฐฯ เปิดดำเนินการในช่วงทศวรรษ 1890
และในปี 1902 บริษัทก็ได้รับเลือกจาก "ยูไนเต็ด สเตท สตีล" ให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี
ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ ยังได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากข้อกำหนดด้านบัญชี ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นหลังตลาดหุ้นล้มในปี
1929 และในปี 1939 บริษัทยังได้รับเกียรติให้รับผิดชอบการลงคะแนนในการประกาศผลภาพยนตร์ออสการ์อีก
ด้วย ปี 1946 ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ เริ่มให้บริการด้าน ที่ปรึกษา
ความเป็นผู้นำของไพร้ซ วอเตอร์ เฮาส์ ถดถอยลงไปในช่วงทศวรรษ 1960 แม้ว่าในปี
1970 จะมีลูกค้าเป็นบริษัทติดอันดับ "ฟอร์จูน 500" ถึง 100 บริษัท
แต่ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ก็ถูกมองว่าเป็นบริษัท ที่ยึดติดรูปแบบ และความเป็นทางการต่างๆ
มากที่สุด แม้ว่าจะพยายามปรับตัวในเชิงรุกมากขึ้น ในช่วงทศวรรษ 1980 ก็ตาม
ยิ่งกว่านั้น ในปี 1992 กิจการสาขาของดีลอยท์ ทูช โทมัตสึ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ชำระบัญชีบริษัท
ที่ล้มละลาย ได้ฟ้องไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ให้จ่ายเงินชดเชยค่าประสบขาดทุนจำนวน
1.1 พันล้านดอลลาร์แก่แบงก์ ออฟ เครดิต แอนด์ คอมเมิร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล
(Bank of Credit and Commerce International) แต่จำนวนเงินได้ลดลงเมื่อคดีความยุติ
คูเปอร์ส แอนด์ ไลแบรนด์ เป็นกิจการที่เกิดจากกา รผนวกกิจการข้ามทวีป ในปี
1957 และเป็นบริษัท ที่จัดทำตำราเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีขี้น
ไลแบรนด์, รอส บราเธอร์ส แอนด์ มอนต์โกเมอรี (Lybrand, Ross Bros. &
Montgomery) ก่อตั้งเมื่อปี 1898 โดยวิลเลียม ไลแบรนด์, เอ็ดวาร์ด รอส, อดัม
รอส และ โรเบิร์ต มอนต์โกเมอรี ในปี 1912 มอนต์โก เมอรีเป็นผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีชื่อ
"Montgomesrys Auditing" ซึ่งเป็นคัมภีร์ทางด้านการบัญชีต่อมา
คูเปอร์ส บราเธอร์ เป็นกิจการที่ก่อตั้งขึ้นโดยพี่น้องตระกูลคูเปอร์ส โดยวิลเลียม
คูเปอร์ส ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนักการธนาคาร ที่เคร่งศาสนา ได้ตั้งบริษัทบัญชีขึ้นในลอนดอน
และต่อมาน้องชายของเขาก็เข้ามาร่วมงานด้วยในปี 1861 กิจการได้แตกสาขาออกไปหลังสงครามโลกครั้ง
ที่ 1 โดย มี สาขาอยูในลิเวอร์พูล (ปี 1920), บรัสเซลส์ (1921), นิวยอร์ก(1926)
และ ปารีส (1930)
ปี 1957 ไลแบรนด์ได้จับมือกับคูเปอร์ส และเปลี่ยนชื่อกิจการเป็น "คูเปอร์สแอนด์
ไลแบรนด์" ในช่วง ทศวรรษ 1960 บริษัทได้ขยายขอบข่าย งานไปสู่การให้คำปรึกษาด้านการเสนอผลตอบแทนแก่พนักงาน
และเริ่มการประเมินระบบควบคุมภายในของบริษัทลูกค้า และในทศวรรษต่อมา ก็เริ่มมุ่งความสนใจ
ที่การประสมประสานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ากับกระบวนการด้านการตรวจสอบบัญชี
คูเปอร์ส แอนด์ ไลแบรนด์ ตกจากอันดับ 1 มาอยู่ ที่อันดับ 5 ของ "Big
Six" ในช่วงทศวรรษ 1980 เนื่องจากคู่แข่งต่างก็ใช้วิธีควบกิจการสร้างความยิ่งใหญ่
ขณะเดียวกัน สถาบันการเงิน ที่รับฝากเงิน เพื่อเอาไปรับจำนองต่าง พากันพับฐานไป
บรรดานักลงทุน และภาครัฐจึงเรียกร้องให้บริษัทบัญชีรับผิดชอบไม่เพียงแค่ทางด้านหลักฐานการเงิน
ที่มีการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น แต่ต้องมีความถูกต้องแม่นยำด้วย
ในปี 1992 บริษัทได้จ่ายเงินในคดีฟ้องร้องจำนวน 95 ล้านดอลลาร์ ให้กับนักลงทุนในกิจการ
"มินิสไครบ์" ซึ่งเป็นผู้ผลิตดิสก์-ไดรฟ์ ที่ประสบขาดทุน บริษัทยังต้องเสียเงินก้อนโต
อีกหลายครั้ง อาทิ ต้องจ่ายเงิน 108 ล้าน ดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้อง ที่เกี่ยวข้องกับกิจการด้านสื่อของโรเบิร์ต
แม็กซ์เวล ผู้ล่วงลับไปแล้ว
คูเปอร์ส แอนด์ ไลแบรนด์ผนวก กิจการกับไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์ เมื่อสองปีก่อน
และปีที่แล้ว PwC ได้ยุติคดีฟ้องร้องต่อคูเปอร์ส แอนด์ ไลแบ รนด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการเก็งกำไรจากการประมูลซื้อพันธบัตร
ที่พัวพันกับ ไฟฟ์ ซีมิงตัน อดีตผู้ว่าการรัฐอาริโซนา ต่อมาบริษัทกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาได้
ด้วยการเข้าเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีธนาคารกลางของรัสเซีย ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน
ปีที่แล้วเช่นกัน PwC ได้เจรจาผนวกกิจการกับ "แกรนต์ ธอร์นตัน อิน
เตอร์เนชันแนล" (Grant Thornton International) โดย PwC ประกาศจะลดพนักงานลง
1,000 ตำแหน่ง และจะยกเลิกตำแหน่งงาน ที่ล้าสมัยโดยใช้ระบบ ที่ปรึกษาแบบ
e-business แทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง
แต่ปี 2000 กลับเริ่มต้นด้วยเรื่องไม่สู้ดีนัก เพราะคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ
(SEC) ตรวจพบว่ามีการดำเนินธุรกิจ ที่เข้าข่ายว่าเป็นการละเมิดหลักการขัดกันของผลประ
โยชน์ถึงกว่า 8,000 กรณี และส่วนใหญ่เป็นกรณี ที่เกี่ยวข้องกับการที่หุ้นส่วนของ
PwC เข้าไปถือหุ้นในบริษัทลูกค้า ที่บริษัทเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ด้วยเหตุนี้
PwC จึงกำลังเตรียมแยกกิจการในส่วน ที่เป็นธุรกิจที่ปรึกษาออกจากธุรกิจด้านบัญชีภายในกลางปีนี้