|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2548
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เพียงแต่ทำให้พื้นที่โดยรอบสนามบินมีความคึกคักเท่านั้น ภาพการลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน
กลุ่มทุนในพื้นที่ อาทิ กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตในเครือซันไชน์ กรุ๊ป ที่บริหารงานโดยตระกูลศุภรสหัสรังสี กลุ่มธุรกิจดั้งเดิมในเมืองพัทยา เริ่มปรับตัวรับกับกระแสการบูมของสนามบินสุวรรณภูมิด้วยการทุ่มงบประมาณหลายสิบล้านบาท รื้อถอนโรงแรมโลมา ที่เปิดให้บริการในลักษณะรีสอร์ตย่านพัทยา-นาเกลือ มานานหลายสิบปี ปรับโฉมเป็นรีสอร์ต แอนด์ สปา รองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่จะเข้าพักมากขึ้นหลังการเปิดใช้สนามบิน
ขณะเดียวกันฝ่ายบริหารโรงแรมและรีสอร์ตในเครือซันไชน์ กรุ๊ป ยังเตรียมงบประมาณ อีกส่วนหนึ่งเพื่อก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่บริเวณจอมเทียน เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น ทั้งจากการเปิดตลาดท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ
แม้ปัจจุบันจำนวนห้องพักในเมืองพัทยาจะมีมากกว่า 7 หมื่นห้อง แต่ภาพการแข่งขันเสรี ก็ทำให้ทำเลทองแห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจของการลงทุนก่อสร้างที่พัก หลังแนวโน้มความต้องการยังมีอยู่สูง
ไม่เพียงเท่านั้น บุตรชายของปริญญา ชวลิตธำรงค์ (เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา) ราชาที่ดินเมืองพัทยา เจ้าของที่ดินให้เช่าของโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพัทยา อาทิ ดุสิตรีสอร์ท พัทยา ฯลฯ ยังเป็นอีกผู้หนึ่งที่ขอนำที่ดินเดิมของตระกูล ก่อสร้างรีสอร์ตหรูมูลค่า 70 ล้านบาท บริเวณพัทยาเหนือ ที่คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้เช่นกัน
"คุณปลื้ม" เร่งพัฒนาโรงแรมในเครือ
แผนพัฒนาโรงแรมในเครือบางแสน จังหวัดชลบุรี ของตระกูลคุณปลื้ม ผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วยโรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท โรงแรมบางแสนบีช รีสอร์ท โรงแรมบางแสนวิลล่าและโรงแรม เอส เอส บางแสน ที่เปิดให้บริการเคียงคู่ชายหาดบางแสนมายาวนาน และขณะนี้ได้มอบหมายให้บุตรชายคนเล็ก คือณรงค์ชัย คุณปลื้ม เข้าบริหารกิจการของครอบครัว มีแผนดำเนินการในระยะ 10 ปีอย่างชัดเจน คือ เร่งพัฒนาโรงแรมในเครือให้มีความทันสมัย และสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ขยายตัวจาก กลุ่มกลางจนถึงระดับบนได้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2548 ได้เพิ่มการให้บริการที่ครบวงจรในส่วนของโรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท ที่ตั้งอยู่บริเวณชายหาดบางแสน ด้วยการขยายห้องประชุม สัมมนาให้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้มากถึง 1,700 คน จากเดิมที่รับได้เพียง 1,200 คน ซึ่งกลุ่มลูกค้าสำคัญของโรงแรม คือกรุ๊ปสัมมนา และกลุ่ม high-end และยังได้เปิดให้ บริการในส่วนของสปา สำหรับโรงแรมเดอะ ไทด์ รีสอร์ท ใช้งบลงทุนถึง 330 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราเข้าพักมากกว่า 60% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด 154 ห้อง
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามร้านอาหารปะการัง ให้เป็นโรงแรม ระดับ 3-5 ดาว โดยใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 400 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างอาคารสูง และการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งในเบื้องต้นกำหนดให้เป็นกลุ่มข้าราชการที่ต้องการเข้ามาสัมมนา ในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงพัทยา
ส่วนแผนปรับปรุงโรงแรมเก่าโดย เฉพาะโรงแรมบางแสน บีช รีสอร์ท และ บังกะโล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เช่าจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่าง การขอต่อสัญญาเช่าในอายุ 30 ปี
สำหรับโรงแรมบางแสนบีช รีสอร์ท เราจะใช้งบประมาณ 106 ล้านบาท ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ ทั้งในส่วนของตึกเก่า และบังกะโล รวมทั้งสระว่ายน้ำ ส่วนบังกะโลที่เราจะเริ่มปรับปรุงหลังดำเนินการต่อสัมปทานกับ ททท.เสร็จแล้ว และจะใช้งบประมาณอีกก้อนหนึ่งในการปรับปรุงบังกะโลที่มีอยู่ โดยจะรักษาสภาพเดิมของบังกะโลไว้ แต่จะเปลี่ยนวัสดุการตกแต่งภายใน และระบบไฟฟ้า-ประปา ให้สามารถรองรับกลุ่มครอบครัว ที่เราวางคอนเซ็ปต์ไว้ให้เป็นรีสอร์ต แบบครอบครัว" ณรงค์ชัยกล่าว
ส่วนโรงแรมบางแสน วิลล่า ซึ่งตั้งอยู่ด้านตรงข้ามร้านอาหารปะการัง จะพัฒนาให้เป็นโรงแรมสำหรับรองรับการสัมมนาแบบครบวงจร และยังมีแผนพัฒนาตึกเก่าที่เป็นอพาร์ตเมนต์จำนวน 20 ห้องใกล้กับโรงแรมฯ ให้เป็นโรงแรมในรูปแบบบูติกโฮเตลแห่งแรกในเขตบางแสน ใช้งบดำเนินการ 30 ล้านบาท และจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2549 ที่สำคัญยังจะพัฒนาอาคารด้านหลังโรงแรมฯ ที่มีห้องพัก 63 ห้องให้เป็นห้องพักแบบค้างคืน แทนที่จะเป็นห้องพักแบบชั่วคราว รวมทั้งยังจะมีการตกแต่งภายในทั้งหมดด้วย
ด้านโรงแรมเอส เอส บางแสน ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวโค้งก่อนเลี้ยวลงชายหาดแหลมแท่น ในปี 2548 จะใช้งบดำเนินการ 1 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงห้องอาหารหินทรายให้เป็นแบบ out door ที่เปิดโล่ง และยังจะซื้อตึกแถวด้านหน้าโรงแรมเพื่อพัฒนาเป็นบูติกโฮเตลเช่นเดียวกัน ซึ่งตัวเลขการปรับปรุงโรงแรมทั้งหมดของตระกูลคุณปลื้ม ในระยะ 10 ปีนับจากนี้คาดว่าจะมีไม่น้อยกว่าพันล้าน บาท
โดยณรงค์ชัย คุณปลื้ม กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการแข่งขันในเชิงธุรกิจ หากมองเฉพาะพื้นที่บางแสนแล้วถือว่าไม่มีคู่แข่งทางตรง แต่คู่แข่งทางอ้อมคือ ผู้ประกอบการโรงแรมในเขตพื้นที่เมืองชลบุรีและพัทยา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าโรงแรมในเครือทั้งหมดจะสามารถทำตลาดได้ดีเพียงใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้ ยอดการเข้าพักของโรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท ที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ระดับกลางและบน จะมีการเข้าพักเพิ่มจากเดิมอีกไม่น้อยกว่า 5%
เชนต่างชาติ เปิดตลาดพัทยา
กลุ่มแอคคอร์ ผู้บริหารโรงแรมในเชนเมอร์เคียวและโนโวเทล เป็นกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ไม่รีรอที่จะฉวยโอกาสยึดพื้นที่ย่านพัทยาเหนือ เช่นเดียวกับกลุ่มเชอราตัน เชนโรงแรมจากต่างประเทศ ที่ยึดพื้นที่ใกล้โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา ผุดโรงแรม 5 ดาว เพิ่มทางเลือกของผู้เข้าพัก
ทั้งนี้กลุ่มแอคคอร์ ผู้บริหารโรงแรมเชนเมอร์เคียว และโนโวเทล เลือกที่จะลงทุนก่อสร้างโรงแรมขนาด 4 และ 3 ดาว ในเมืองพัทยา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงโรงแรมทั้ง 2 แห่ง มาตั้งแต่ปี 2547 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ โดยโรงแรมโนโวเทล โรงแรมขนาด 4 ดาว แบ่งเป็น 2 อาคาร จำนวน 200 ห้อง ตั้งอยู่บริเวณพัทยาเหนือ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่างปราสาท สัจธรรม ทางกลุ่มเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด
ส่วนโรงแรมเมอร์เคียว พัทยา เป็น การลงทุนร่วมกันระหว่างกลุ่มแอคคอร์ และกลุ่มเจ้าของโรงแรมรอยัล ทวิน พาเลซ โฮเทล ตั้งอยู่บริเวณพัทยาใต้ โดยกลุ่มแอคคอร์ได้เข้าปรับปรุงโรงแรมขนาด 245 ห้องแห่งนี้เพื่อให้เข้ามาตรฐาน เมอร์เคียว และแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกัน
ด้านเชอราตัน แบรนด์โรงแรมในกลุ่มสตาร์วูดจากต่างประเทศ เลือกทำเลงามติดหน้าผาใกล้โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ผุดโรงแรมขนาด 5 ดาว จำนวน 150 ห้อง ขณะนี้เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ลักษณะการลงทุนไม่แน่ชัดว่าเป็นการร่วมทุนระหว่างเจ้าของที่ดินซึ่งเป็น คนพื้นที่และแบรนด์โรงแรมแห่งนี้หรือไม่
เซ็นทรัลสร้างในธีมโฮเตล
กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทรัล คือทุนส่วนกลางกลุ่มล่าสุดที่เริ่มขยับตัวรับการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในช่วงกลางปี 2548 ประกาศ ทุ่มงบประมาณถึง 2.5 พันล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมเซ็นทรัล พัทยา บีช รีสอร์ท ในพื้นที่ 43 ไร่ โรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาด 551 ห้องพัก ขึ้นมาแทนที่โรงแรมเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์ พัทยา ที่ทุบทิ้งหลังเปิดให้บริการห้องพักในเมืองพัทยา มายาวนานถึง 45 ปี โดยจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี เพื่อให้ทันเปิดใช้ในปี 2550 แทน
สุทธิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร เครือเซ็นทรัล เผยถึงการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ ในเมืองพัทยาแทนโรงแรมเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์พัทยา ไว้ก่อนหน้านี้ว่าโรงแรมเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์พัทยา ได้หยุดให้บริการลูกค้าอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2548 เพื่อ สร้างตำนานบทใหม่ภายใต้ชื่อโรงแรมเซ็นทรัล พัทยา บีช รีสอร์ท ในธีมโฮเตล (Theme Hotel) แห่งแรกของพัทยา และจะใช้จังเกิล ธีม (JungleTheme) ที่พร้อมให้บริการทั้งการพักผ่อนใน แบบครอบครัว และการประชุมสัมมนา เน้นรูปแบบการตกแต่งให้กลมกลืนกับธรรมชาติและความร่มรื่นของต้นไม้
ขณะที่วันชัย จิราธิวัฒน์ ประธานเครือเซ็นทรัล กล่าวถึงภาพการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในเมืองพัทยาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเริ่มเห็นเด่นชัด เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการ อย่างเป็นทางการ เพราะพัทยาคือเป้าหมายการเดินทางของทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ เนื่อง จากระยะเวลาในการเดินทางไม่แตกต่างจากกรุงเทพฯ ดังนั้นการเลือกสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาวในพื้นที่เมืองพัทยา ก่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสมแก่เวลา เช่นเดียวกับการลงทุนในช่วงที่ตลาดท่องเที่ยวของพัทยาขยายตัวอย่าง ต่อเนื่อง และยังเป็นการสอดรับกับความ ต้องการของการเข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ขณะนี้ในพื้นที่มีผู้ให้บริการอยู่เพียงไม่กี่ราย
|
|
|
|
|