Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 สิงหาคม 2548
แนะสุชนเลิกตะแบงผู้ว่าฯสตง.             
 


   
search resources

Political and Government




"ประมวล" ชี้ทรงใช้พระราชอำนาจเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ในฐานะจอมทัพไทยได้ ส่วนปัญหาผู้ว่าฯ สตง.มีพระราชดำรัสให้ราชเลขาธิการฯ แจ้งให้ คตง. จ่ายเงินเดือน "คุณหญิงจารุวรรณ" ให้ครบ 5 ปี แนะ "สุชน" และ ส.ว.อย่าทิฐิ ร่วมกันหารือเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแล้วนำเรื่องคืนมา ขณะที่ ประธาน คตง.ปัดไม่รู้เรื่อง แต่ยอมรับ คตง.เปลี่ยนกุญแจห้องคุณหญิงจารุวรรณ อ้างกลัวของหาย ด้าน "สุชน" เครียดเผยไม่ขอ ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ขณะที่ "แก้วสรร" ชี้พระองค์ไม่ใช่ตรายาง ทุกเรื่องเป็นพระราชอำนาจ ส่วน "ทักษิณ" เข้าเฝ้าฯในหลวง ปฏิเสธเกี่ยวข้องโผทหาร

นายประมวล รุจนเสรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ผู้เขียนหนังสือ "พระราชอำนาจ" ให้สัมภาษณ์รายการ "สภาท่าพระอาทิตย์" ทางสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม ASTV และสถานีวิทยุคลื่นสามัญประจำบ้าน 97.75 เมกะเฮิรตซ์ วานนี้ (29 ส.ค.) ว่า การแต่งตั้งโยกย้าย นายทหารประจำปีนี้ ถ้าได้อ่านหนังสือ "พระราชอำนาจ" ฉบับนี้จะเข้าใจได้ดีว่า พระมหากษัตริย์นั้นทรงเป็นทั้งพระมหากษัตริย์และทรงบัญชาการกองทัพด้วย คือเป็นจอมทัพไทย และสมัย นายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการ ก็เคยใช้พระราชอำนาจปลด จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ออกจากตำแหน่ง ผบ.สูงสุด มาแล้ว ดังนั้นใครที่ออกมาพูดว่า เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีเซ็นแล้ว ใคร แก้ไม่ได้ถือว่าผิดมาก พูดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนไทยเรามักจะรู้น้อยแต่พูดมาก ทรงให้จ่ายเงินเดือนคุณหญิงครบ 5 ปี

ส่วนปัญหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น นายประมวลกล่าวว่า มีกระแสข่าวที่เชื่อว่า เป็นความจริงคือกระแสข่าวที่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งราชเลขาธิการฯ ให้ไป บอกต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ให้คืนเงินเดือน คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯ สตง. ไปจนครบ 5 ปี แต่ราชเลขาธิการฯ แทนที่จะบอก คตง.โดยตรง ก็ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกฯ ก็ออกมาเล่นผิดบทอีกติดต่อ คุณหญิงจารุวรรณบอกให้ไปรับงานอื่นแทน แล้วคงจะพูดอะไรอีกมาก

"นี่คือจุดคีย์ของเรื่อง แล้วทำไมประธาน วุฒิสภา ซึ่งทำเรื่องเสนอเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ ไม่ทวงถามไปที่ท่านราชเลขาฯ แล้วท้ายที่สุดท่าน ราชเลขาฯจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เป็นหนังสือ ถึง คตง. หรือถึงประธานวุฒิสภา ก็แล้วแต่ รับสั่งกระแสพระราชดำรัส กระแสพระบรมราชโองการจริงๆ ไปว่าเป็นยังไง แล้วก็ยึดถือปฏิบัติตามนั้น ทุกคนก็เชื่อว่ากระแสพระราชดำรัสออกมาว่าให้ คืนเงินให้คุณหญิงจารุวรรณให้ครบ 5 ปี ก็ไม่ได้ หมายความว่า ให้คุณหญิงจารุวรรณกลับมาทำ หน้าที่ ผู้ว่าฯสตง.นะครับ แต่อย่าไปตะแบงตีความว่า เอาเงินที่ไหนมาคืนให้พ้นตำแหน่งไปแล้วไม่ได้ทำงาน ก็ยังถึงกับไปงัดห้องงัดที่ทำงานคุณหญิงจารุวรรณเขาอีกซึ่งก็แสดงความอหังกามากขึ้น ไปอีก" นายประมวลกล่าว แนะสุชนอย่าทิฐิแก้ปัญหาผู้ว่าฯสตง.

ส่วนข้อเสนอที่ให้ประธานวุฒิสภา ทำหนังสือกราบขออภัยโทษแล้วขอนำเรื่อง คืนมาพิจารณาใหม่นั้น นายประมวลกล่าวว่า เป็นทางหนึ่งที่ควรจะทำมานานแล้ว แต่ประธานวุฒิสภาไม่รับฟัง เพราะยังเชื่อว่าทำตามรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ให้เป็นพระราชวินิจฉัย ซึ่งจะมาพูดแบบนี้ไม่ได้เพราะ พระราชอำนาจจริงๆ ถ้าจะพูดออกมาต้องคิดตั้งแต่วันแรกที่ทำขึ้นมา ถือเป็นคำอ้างที่เอาตัวรอดไว้ก่อน

"คือถ้าเราลดทิฐิมานะ อย่าตะแบง ขอพระราชทานอภัยโทษเสีย แล้วก็เอาเรื่องกลับคืนมา แล้ว คตง.เองก็ต้องร่วมมือด้วย รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะว่าอย่างไร เพราะได้วินิจฉัยไปแล้วจะวินิจฉัยซ้ำไม่ได้" (อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ หน้า 15) สุชนเครียดถูกซักปัญหาสตง. นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีปัญหาผู้ว่าฯสตง.ที่ยังไม่มีพระบรม-ราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมาว่า ได้ชี้แจง ต่อที่ประชุมวุฒิสภาไปแล้ว ตอนนี้จะต้องรอเท่านั้น ส่วนที่มีข้อเสนอให้มีการหารือกันระหว่าง ส.ว. ,คตง., และศาลรัฐธรรมนูญนั้น คงต้องรอไปอีกสักพักหนึ่ง เพราะได้ทำตามขั้นตอนหมดแล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักราชเลขาธิการ คงไม่มีอะไรจะพูด หรือแถลงจนกว่าจะมีพระบรมราชวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดคุยกันภายในหรือยัง เพราะขณะนี้มีแรงกดดันมาที่ประธานวุฒิสภาโดยตรง ถึงขนาดเรียกร้องให้ลาออก นายสุชน กล่าวว่า อย่าไปคิดมาก เพราะทุกอย่างทำไปภายใต้รัฐธรรมนูญ จะทำนอกเหนือรัฐธรรมนูญไม่ได้ ประธานวุฒิสภาไม่ได้มีแรงกดดันใดๆ เลย

ส่วนหากไม่ทรงโปรดเกล้าฯลงมาจะดำเนินการ อย่างไรนั้น นายสุชน กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด เพราะไม่ใช่หน้าที่เราตอนนี้ ส่วนเรื่องความรับผิดชอบ วุฒิสภาต้องมาคุยกัน ไม่ใช่อยู่ที่ประธานคนเดียว ต้องฟังทุกคน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีหลายองค์กรร่วมกัน ซึ่งวุฒิสภาได้ทำตามหน้าที่ก็พอแล้ว

ผมไม่มีความกังวลต่อกระแสกดดันภายนอก เพราะวุฒิสภาไม่ได้เล่นการเมืองกับใคร เราทำหน้าที่ตามกฎหมายต้องเป็นกลาง ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของใคร เคารพมติเสียงข้างมาก แต่เมื่อทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา ก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทูลเกล้าฯชื่อนายวิสุทธิ์ มนตริวัต เป็นผู้ว่าฯสตง. เป็นเวลา 78 วันแล้ว ยังไม่โปรดเกล้าฯ ถือว่าส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายสุชนกล่าวว่า เราจะต้องไม่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีกรอบเวลา เมื่อถาม อีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นรอยด่างพร้อยของวุฒิสภาหรือไม่ นายสุชนปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะถือเป็นครั้งแรก ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ถูกผู้สื่อข่าวรุมซักถามว่านายสุชนมีสีหน้าเคร่งเครียด ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือตลอดเวลา รวมทั้งพยายามที่จะตัดบท ยุติการให้สัมภาษณ์ด้วยการขอบคุณสื่อถึง 3 ครั้ง


เผยสุชนเชื่อ 90 วันน่าจะชัดเจน

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กทม.ได้เข้าพบหารือกับนายสุชน หลังการหารือนายเสรีกล่าวว่า นายสุชนยังยืนยันที่จะรอพระราชวินิจฉัยลงมาก่อน และยังระบุว่า ประมาณ 90 วัน น่าจะมีความชัดเจน ซึ่งตนก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้สังคมรอคำตอบอยู่

ส่วนทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ ตนเห็นว่าการขอพระราชทานอภัยโทษ นำเรื่องกลับคืนมาพิจารณากันใหม่ไม่ต้องรอให้ครบ 90 วันจะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คนที่ทำได้คือประธานวุฒิสภาเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนที่นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. ระบุว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้กลางที่ประชุมวุฒิสภานั้น ตนเห็นว่า เวทีวุฒิสภาเป็นเวทีดีที่สุด เพราะสมาชิก ถือเป็นตัวแทนของประชาชนที่จะต้องทำหน้าที่ ซักถามในประเด็นที่คลุมเครือในสังคมอยู่


ชี้แต่งตั้งผู้ว่าฯสตง.เป็นพระราชอำนาจ

ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม.กล่าวถึงปัญหาผู้ว่าฯสตง.ว่า พระองค์ไม่ใช่ตรายาง เพราะทุกเรื่องต้องเป็นไปตามพระราชอำนาจ และในทางทฤษฎีตามรัฐธรรมนูญรัฐบาลมาแล้วก็ไป เพราะฉะนั้นการที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เพื่อเป็นหลักของประเทศ ซึ่งท่านจะมีวิสัยทัศน์ที่เห็นบ้านเมืองได้ไกลกว่านักการเมือง ซึ่งถือเป็นฐานของพระราชอำนาจ ดังนั้นจึงทรงมีอำนาจที่จะทักท้วงและขอคำอธิบายที่จะให้ทบทวน ไม่ว่าเป็นในเรื่องของกฎหมายหรือความเหมาะสมในการแต่งตั้ง ตัวบุคคล

ฉะนั้นเรื่องผู้ว่าฯสตง.ไม่ใช่เรื่องที่จะว่ากัน ในสภา หรือกลางบ้านกลางเมือง ว่าตอนนี้มี พระราชดำริอย่างไร และในความเห็นส่วนตัวถ้ามีปัญหาก็เป็นเรื่องที่ผู้รับผิดชอบต้องหาทางแก้ไข และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่บังควรที่จะต้องมานั่งอธิบายกัน รวมทั้งต้องมานั่งถามกันกลางสภา หรือถามทาง ทีวีแบบนี้ และการแก้ปัญหาไม่น่าจะให้เป็นทางการ ซึ่งจะต้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสานงานกันเป็นการภายในเพื่อหาทางแก้ไข และบุคคลทั้งในสภาหรือนอกสภา และสื่อเองก็ไม่บังควรที่จะเฝ้าไต่ถาม และชี้ช่องไปทางโน้นทางนี้ เพราะมีกลไกในการแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว"

นายแก้วสรรกล่าวว่า เมื่อเวลาหนึ่งถึงทางตันที่แก้ไขไม่ได้ทุกคนที่รับผิดชอบก็ต้องรู้ตัว และที่บอกว่าประธานต้องรับผิดชอบนั้นหมายความว่า เมื่อเกิดปัญหาต้องแก้ไขให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าอยู่ระหว่างการหาทางแก้ไขกันอยู่ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรและแก้ปัญหาอย่างไร สำหรับตนแล้วคิดว่าเราควรจะหยุดในเรื่องนี้

"ใครก็ตามมานั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็มีหน้าที่ในฐานะผู้นำก็ต้องทำให้ดีที่สุด และถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเอง ผมก็รู้ว่ากำลังทำหน้าที่อยู่ ก็ไม่ควรที่จะมาขุดคุ้ยที่อะไรกันมาก เพราะไม่ใช่เรื่องทางการที่จะมาว่ากันแบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องหาทางแก้ปัญหา"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ตามรัฐธรรมนูญมีเงื่อนไขเรื่องเวลาหรือไม่ นายแก้วสรรกล่าวว่า เรื่องนี้อย่าทำเป็นปัญหาของกฎหมาย เพราะพระราช-อำนาจเป็นหลักของประเทศ ฉะนั้นโดยสภาพก็ไม่ควรที่จะหยิบมาพูดมาเป็นข้อกฎหมาย หรือมาเดาอธิบายว่า เป็นแบบไหน การเมืองเมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็ต้องมาแก้ด้วยการประสานงานกัน หรือหารือกัน และตนคิดว่าคนไหนที่มานั่งอยู่ตรงนี้และเจอแบบนี้ก็ต้องแก้ปัญหาทั้งนั้น ถ้ายืนนิ่งๆ และไม่ทำอะไรก็ไม่ใช่คนแล้ว ส.ว.ฉะคตง.เปลี่ยนกุญแจห้องคุณหญิง

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวถึงกรณี คตง. บุกยึดห้อง ทำงานคุณหญิงจารุวรรณ พร้อมกับเปลี่ยนกุญแจห้องว่า คตง. ต้องหยุดพฤติกรรม ที่ต้องการเอาชนะให้ได้แบบนี้ และเลิกเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง การกระทำของ คตง. ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจผิด การทุจริตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นการทุจริต เชิงนโยบาย และเป็นการทำลายชาติบ้านเมืองของคนไทย โดยกลุ่มนักธุรกิจที่มีอำนาจ และต้องการใช้ คตง. เป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ตนเองไปถึงอำนาจตรงนั้น อยากให้ คตง. ทบทวนบทบาทของตนเอง อย่าหลงใหลได้ปลื้มกับเศษเนื้อเศษกระดูก ที่นักธุรกิจเหล่านี้โยนมาให้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบ้านเมือง

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว. กทม. กล่าวว่า คตง.ควรจะใช้ความนุ่มนวลในการแก้ปัญหาไม่ใช่ใช้พฤติกรรมลุแก่อำนาจ และท้าทายอำนาจที่ไม่สร้างสรรค์แบบนี้ เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า เป็นอย่างไร หาก คตง. มีความเป็นผู้ใหญ่ ควรจะใช้วิธีเจรจา พูดคุยแบบธรรมดา ไม่ใช่มาเปลี่ยนกุญแจ หรือใช้วิธีการรุนแรงในการแก้ปัญหา คตง. ควรจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากกว่านี้

"ปัญหาผู้ว่าฯสตง.นั้นผมเกรงอยู่อย่างเดียวว่า คตง.และผู้เกี่ยวข้องจะแก้ปัญหา แบบไทยๆ นั่นคือ จะปล่อยให้ตำแหน่งของคุณหญิงจารุวรรณ ยืดเยื้อไปจนหมดวาระซึ่งก็เหลือแค่ 1 ปี หากมีการนำวิธีนี้มาใช้ทุกอย่างก็จบ พอถึงจุดหนึ่ง ก็แค่ทำเรื่อง คืนเงินเดือนให้คุณหญิงจารุวรรณ โดยที่ไม่หาทางแก้ไขอย่างถูกวิธี หากเป็นแบบนี้ปัญหาคอร์รัปชัน ก็ยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ" ปธ.คตง.ปัดไม่รู้ทรงให้จ่ายเงินคุณหญิง

นายเจิมศักดิ์กล่าวว่า เคยได้ยินเรื่องที่นายประมวลระบุว่า สำนักราชเลขาธิการมีหนังสือแจ้งไปยัง คตง.ให้จ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้แก่คุณหญิง จารุวรรณ แต่ไม่ทราบว่าวันนี้ คตง.ได้ปฏิบัติหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายนรชัย ศรีพิมล ประธานคตง.เพื่อขอสอบถาม กรณีที่นายประมวล ระบุว่า ราชเลขาธิการได้ไปพบประธาน คตง.เพื่อให้คืนเงินเดือน ให้คุณหญิงจารุวรรณ 5 ปี แต่เจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายนรชัยแจ้งว่า นายนรชัย ไม่ทราบเรื่องนี้ รวมทั้งไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จะเปิดเผยและไม่ขอให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ สตง.ย้ำคุณหญิงจารุวรรณหมดสิทธิ์ใช้ห้อง

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ใหญ่บางคนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน สตง. นำกุญแจไปเปลี่ยนที่ห้องทำงานของคุณหญิงจารุวรรณ เพื่อไม่ให้คุณหญิงจารุวรรณเข้าห้องทำงาน เพราะยังไม่มีความชัดเจนในการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.นั้น

วันเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแขนงได้เดินทาง ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยของ สตง.แจ้งกับสื่อมวลชนว่าผู้ใหญ่ของ สตง.มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขึ้นไปทำข่าว และบันทึกภาพ

ต่อมานางรพีพร คูหิรัญ กรรมการ คตง. ได้เดินมาสอบถามสื่อมวลชนว่า มาทำข่าวอะไร สื่อมวลชนจึงชี้แจงเหตุผล ที่เดินทางมาทำข่าว ดังกล่าวและขออนุญาตขึ้นไปทำข่าวและบันทึกภาพ แต่นางรพีพร ได้สอบถามสื่อมวลชนกลับมาว่า ในวันนี้คุณหญิงจารุวรรณจะเดินทางมาที่สตง. หรือไม่ ความจริงการปิดห้องนั้น เราจะใช้ห้องดังกล่าวจึงจำเป็นต้องปิดเพื่อปรับปรุงแม้คุณหญิงจารุวรรณจะมาที่นี่ก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว"

นางรพีพรยังสอบถามสื่อมวลชนอีกว่า "คุณหญิงจารุวรรณสั่งให้มาทำข่าวนี้ หรือมาทำข่าวกันเอง" สื่อมวลชนจึงตอบกลับไปว่า เดินทางมากันเอง เพื่อมาพิสูจน์ว่า ข่าวที่ออกไปนั้นเป็นจริงหรือไม่ นางรพีพรจึงแจ้งไปยังฝ่ายพัสดุเพื่อให้เปิดห้องทำงานของคุณหญิงจารุววรณให้สื่อมวลชนไปบันทึกภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องทำงานของคุณหญิงจารุวรรณนั้นมีการเปลี่ยนกุญแจชุดใหม่ และที่ประตูหน้าห้องทำงาน มีหนังสือที่ลงนามโดยนายปัญญา ตันติยวรงศ์ อดีต ประธาน คตง.เรื่องยืนยัน ตามคำวินิจฉัยและคำแถลงของศาลรัฐธรรมนูญว่า คุณหญิงจารุวรรณ ไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่และเป็นผู้ว่าฯสตง.ต่อไปได้

ด้านนายธเนศรให้สัมภาษณ์ภายหลังในกรณีการเปลี่ยนกุญแจห้องทำงาน ของคุณหญิงจารุววรณ ใหม่ทั้งหมดว่า เนื่องจากกุญแจชุดเดิมไม่มีสำเนาไว้กับผู้ที่มีหน้าที่ เกรงว่าจะมีคนนำกุญแจเปิดห้องทำงาน อาจทำให้ทรัพย์สินของรัฐและทรัพย์สิน ของคุณหญิงจารุวรรณเสียหาย ประธานคตง.จึงให้เจ้าหน้าที่ไปทำกุญแจชุดใหม่และแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาดูแลให้เป็นระบบ

"คุณหญิงจารุวรรณสามารถมารับกุญแจห้องชุดใหม่เพื่อเข้าไปนำทรัพย์สินส่วนตัวออกไปได้ แต่ไม่สามารถใช้ห้องนี้ทำงานได้ และคำสั่งนั้นเป็นการกระทำตามระเบียบเพื่อรักษาความปลอดภัย คำสั่งนี้ชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชาไม่ได้กลั่นแกล้งใดๆ" ทักษิณเข้าเฝ้าฯในหลวง

ในช่วงเย็นวานนี้ (29 ส.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ พล ม.2 สนามเป้า ไปยังวังไกลกังวล หัวหิน เพื่อเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นการเข้าเฝ้าฯตามปกติ ไม่เกี่ยวกับบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร ประจำปี 2548   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us