|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ทิสโก้ได้ฤกษ์ขยับปีกลุยกองทุนรวมลงทุนต่างประเทศ (FIF) เตรียมเปิดตัว 2 กองทุน ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่ารวม 800 กว่าล้านบาท เล็งลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก หวังกระจายความเสี่ยงการลงทุน คาดให้ผลตอบแทนหรู
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) 2 กองทุน ในช่วงปลายปีนี้ หลังจาก ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้กองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทสามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทได้ขอวงเงินสำหรับกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ 1 กองทุน มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการ วงเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"ในช่วงเดือนตุลาคม หรืออย่างช้าเดือนพฤศจิกายน เราเตรียมเปิดตัวกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ 2 กองทุน ซึ่งจะมีนโยบายการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงการ ลงทุนให้กับผู้ถือหน่วย ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนน่าจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับผู้ถือหน่วย"
สำหรับสาเหตุที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเลือกออกเป็นกองทุนหุ้น เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นสูงกว่าการลงทุนผ่านตราสารหนี้ และที่สำคัญลักษณะการลงทุนที่กระจายการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกจะทำให้โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมีสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ส่วนรูปแบบการลงทุนจะลงทุนผ่านกองทุนที่มีอยู่ในต่างประเทศ เพื่อประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการ
นายสุทัศน์กล่าวถึงแผนการ ดำเนินงานในครึ่งปีหลังของบริษัท ว่า กลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลัง ยังคงให้น้ำหนักกับการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่สูง และในช่วงที่ผ่านมากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบริษัท ก็ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอ้างอิงเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเพียง 2% กว่าๆเท่านั้น
"เรายังเน้นหุ้นกลุ่มพลังงาน อยู่ เพราะมีความเสี่ยงต่ำสุด แต่เมื่อภาพเปลี่ยน เราคงต้องมองหา ลู่ทางการลงทุนในกลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น" นายสุทัศน์ กล่าว
ส่วนการออกกองทุนใหม่ๆ เข้ามาในตลาดหลังจากนี้ ภาพที่เห็นชัดจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในพันธบัตร หรือตั๋วเงินคลังของรัฐบาล โดยบริษัทมีแผนออกเฉลี่ยเดือนละ 1 กองทุน เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุน ที่ส่วนใหญ่เริ่มเข้ามาลงทุน ในกองทุนระยะสั้นที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และการลงทุนในระยะสั้นถือเป็นการพักเงินไว้ เพื่อรอจังหวะที่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ไม่เสียโอกาสในช่วงดอกเบี้ยขยับ
สำหรับกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่เตรียมเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 1-12 กันยายน มี 2 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนเปิดทิสโก้ พันธบัตรเพิ่มค่า 2 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี แต่กองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (ประมาณเท่ากับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุน) ขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมและรับซื้อคืนหน่วย ลงทุนทุกระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ระยะสั้น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการ ของผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในรูปของมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน โดยมีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนกองทุนที่ 2 ที่จะเปิดขายในวันที่ 1-12 กันยายน เช่นเดียวกันคือ กองทุนเปิดมิลเลี่ยนแนร์ มีนโยบายลงทุน 1 ปี คาดการณ์ผลตอบแทน 3.2-3.3% ต่อปี มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุเฉลี่ย 1 ปี
|
|
 |
|
|