Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2545
e-TFB ยุทธศาสตร์พีอาร์ คู่ขนานการปรับตัว             
 

 
Charts & Figures

พัฒนาการบริการออนไลน์ธนาคารกสิกรไทย

   
related stories

Bank without Branch
Citibank Telephone Banking
Asia CyberBanking จากทันสมัยสู่ความเป็นจริง
Anytime Anywhere Any Device
พัฒนาการบริการออนไลน์ธนาคารกสิกรไทย
The young blood

   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธีรนันท์ ศรีหงส์
พรรษมน วิจิตรกำธร
Electronic Banking




ธนาคารกสิกรไทยแผนแยบยลในการเข้าสู่ธนาคารยุคอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อ 3 ปี ด้วยการพีอาร์ยุทธศาสตร์นั้นด้วย e-Girls ทั้งที่ธนาคารเองก็อยู่ในช่วงของการเรียนรู้ พร้อมกับลูกค้าในเรื่องใหม่ รวมทั้งใช้เวลาในการปรับระบบธนาคารเดิม จนวันนี้มีความมั่นใจขึ้นมากทีเดียว

นับตั้งแต่ปี 2542 ธนาคารกสิกรไทยประกาศ การดำเนินงานในรูปแบบ e-Service ออกมา ได้แก่ e-Saving, e-Cash, e-ATM, e-Internet, e-Phone Banking, e-Banking Center, e-Mobile และ e-Web Shopping เพื่อตอบสนองให้กับลูกค้าโดยมี TFB e-Girls เป็นพลังขับเคลื่อนทางประชาสัมพันธ์ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับการสนองตอบจากลูกค้าในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะภาพพจน์ที่รักษาความเป็นผู้นำการเปลี่ยนของธนาคารแห่งนี้เอาไว้ได้

หากพิจารณาแผนภูมิของโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ว่าด้วยการปรับระบบธนาคารล่าสุด หรือ Application Architecture (ผู้จัดการ ฉบับสิงหาคม 2544) ถือว่าช่วงนั้นเพิ่งจะเป็นภาพรวมของยุทธศาสตร์ทั้งหมด และอยู่ระหว่างการทำงานอย่างหนักในการปรับความคิดและระบบธนาคารเดิม

"เรามีจุดเปลี่ยนการมองจะทำพร้อมๆ กับการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรจะมีฝ่ายดูแล จัดการทางผลิตภัณฑ์และฝ่ายวิเคราะห์ ขณะเดียวกัน ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์จะทราบว่าแต่ละผลิตภัณฑ์จะให้บริการ segment ไหน" พรรษมน วิจิตรกำธร ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหารฝ่ายบริหารการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ สายงานวิภัชธุรกิจแห่งกสิกรไทยยอมรับ

ความจริงแล้ว ธนาคารจะเริ่มจากความต้องการของลูกค้ามากขึ้น สร้างสายสัมพันธ์ทางด้านการตลาดที่เป็นรูปแบบใหม่ ทำอย่างไรจะเข้าใจลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมมากขึ้น อาทิ เพิ่มช่องทางการให้ผลิตภัณฑ์และในแต่ละช่องทางต้องเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าใช้บริการแล้วเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

"ส่วนใหญ่จะดูเรื่องจำนวนลูกค้าในแต่ละผลิตภัณฑ์ เช่น ลูกค้ารายย่อย เรามีฐานค่อนข้างใหญ่จึงต้องพิจารณาว่าสิ่งที่พวกเขาให้ประโยชน์กับธนาคารใน แต่ละผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน" ขวัญเนตร รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหาร ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ สายงานวิภัชธุรกิจธนาคารกสิกรไทยเล่า

พูดง่ายๆ ก็คือ การให้บริการยังเหมือนเดิมเพียงแต่ลูกค้าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้บริการ "พวกเรามองลูกค้ามากขึ้น คือ คนเดียวอาจจะใช้บริการหลาย ผลิตภัณฑ์จึงพยายามให้พวกเขาใช้ได้ในหลายช่องทางและหลากหลาย" ขวัญเนตรบอก "ลูกค้าไม่ต้องไปสาขาแต่ทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตได้แต่หลังจากนั้น หากเกิดปัญหาก็สามารถใช้บริการทาง call center ได้"

นับตั้งแต่ e-Service เปิดให้บริการดูเหมือนว่าสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะธนาคารทำให้ความสามารถการให้บริการเทียบเท่ากันได้ในทุกช่องทาง "ลูกค้าไม่ต้องจดจำว่า ผลิตภัณฑ์ไหนให้บริการได้ในช่องทางใดบ้าง" พรรษมนกล่าว

ปลายปี 2542 กสิกรไทยเปิดบริการ e-Phone Banking โดยลูกค้าบริการผ่านระบบโทรศัพท์ด้วยตนเอง ความสะดวกคือใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอพนักงาน ที่สำคัญระยะเวลาการใช้งานกระชับมากขึ้น ซึ่งมีวิวัฒนาการในการให้บริการเพิ่มขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพช่องทางและระบบ ทำให้ลูกค้าเพิ่มจาก 2 แสนสายต่อเดือน เป็น 8 แสนสายในปัจจุบัน

จากจุดนั้น Call Center ก็พัฒนาระบบ IVR : Interactive Voice Response "หากลูกค้าต้อง การทำรายการกับพนักงานก็สามารถผ่าน IVR ได้" ขวัญเนตรเล่า โดยการเชื่อมระบบนี้ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์ตัวหนึ่งใน Call Center เรียกว่า CTI : Computer Telephone Intergration เป็นการเชื่อม ระหว่างข้อมูลลูกค้ากับลูกค้าที่โทรศัพท์เข้ามา "เราทำสำเร็จเมื่อต้นปีนี้เอง" เธอบอกถึงการพัฒนา Call Center มากขึ้น ทำให้โทรศัพท์ประสานกับฐานข้อมูล คอมพิวเตอร์ธนาคาร ซึ่งถือว่าเป็นแกนของการบริการ e-Consumer Banking ที่สมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม

ทางด้าน e-Internet Banking เริ่มเปิดบริการ เมื่อปลายปี 2543 ถือเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้แทบทุกอย่างเหมือนกับเดินเข้าสาขา ปัจจุบันมีลูกค้าเพียงประมาณ 10,000 คน "พวกเราไปซื้อซอฟต์แวร์ตัวใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันการให้บริการจะแยกลูกค้าออกจากกันอย่างชัดเจน ระหว่างรายย่อยและสถาบันซึ่งจะเสร็จปลายปีนี้" พรรษมนกล่าวขั้นตอนของการพัฒนาที่แน่ชัด

ขณะที่บริการทางเอทีเอ็ม ซึ่งถือว่าเป็นบริการอิเล็กทรอนิกส์ที่เก่าแก่สุดของธนาคาร ที่มีความสำคัญมากขึ้นในยุคใหม่ ปัจจุบันธนาคารมีทั้งสิ้น 1,114 เครื่องทั่วประเทศและมีแผนจะเพิ่มอีก 100 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังจะอัพเกรดฮาร์ดแวร์ให้ทันสมัย โดยต้นปีหน้าจะเปิดบริการชำระค่าสาธารณูปโภค ให้กับลูกค้าของการไฟฟ้านครหลวงและองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รวมถึงความสามารถการสมัครอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งผ่านเอทีเอ็ม

จากนั้นภาพรวมที่เรียกว่า e-Banking Center คือ การจัดการบริการ ด้วยตนเองทั้งหมดมารวมอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นสาขาหนึ่งของธนาคารแต่เป็น Electronic Branch ดังนั้นลูกค้าไม่ต้องรอเวลาสาขาเปิดให้บริการ

สำหรับช่องทาง e-Mobile Banking ที่น่าจะมีอนาคตที่ดีในประเทศไทย ด้วยระบบเศรษฐกิจพึ่งพาเงินสดค่อนข้างมาก การชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านระบบไร้สายจะเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ โดยขณะนี้ลูกค้าทำรายการผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในระดับเทียบช่องทางอื่นๆ

จะว่าไปแล้วการทำงานแยกส่วนพัฒนาจากยุทธศาสตร์ภาพรวมนั้น ผลงานที่ดูเป็นชิ้นเป็นอัน น่าจะอยู่กับงาน Corporate Banking ซึ่งอาจจะถือว่า ทำได้ง่าย เพราะมีลูกค้าไม่มาก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนระบบธนาคารไม่ต้องกระทำอย่างกว้างขวาง เช่น Consumer Banking ที่สำคัญความคิดเบื้องต้นของธนาคารนี้ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก แต่ก็ไม่ลืมจะรักษาภาพพจน์ผู้นำความคิดเอาไว้ด้วย

พฤษภาคม 2544 ธนาคารกสิกรไทยเปิดบริการอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง เพื่อความสะดวกให้กับลูกค้าสถาบันภายใต้ "Corporate Connect" บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อนหน้า ต่อจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า "โฮมแบงกิ้ง" ซึ่งหยุดพัฒนาไปแล้ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดำเนินการในส่วน Corporate Banking ของกสิกรไทย ถือเป็นอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งที่สมบูรณ์ที่สุดโดยบทบาทสำหรับด้านนี้คือ เป็น การสร้างระบบการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตให้กับกลุ่มลูกค้าที่ให้บริการด้าน e-Commerce

โฮมแบงกิ้งเป็นตัวอัพเกรดของวิดีโอ แบงกิ้งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแนวคิด เชื่อมโยงเข้ากับลูกค้าทางอิเล็กทรอนิกส์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว "โฮมแบงกิ้งเริ่มให้บริการในปี 2542 ซึ่งเกิดจากเรื่อง Y2K หลังจากนั้น เรามองว่าหากไปแก้ของเดิมจะเสียเวลาเลยสร้างตัวใหม่ขึ้นมาเรียกว่า Corporate Connect เป็นการพัฒนาที่ค่อนข้างสำคัญ" ธีรนันท์ ศรีหงส์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบรรษัทธุรกิจแห่งกสิกรไทยอธิบาย

การดำเนินการ Corporate Connect เป็น การมองถึงความสามารถต่างๆ เพิ่มขึ้นที่เป็นการรวมยุทธศาสตร์ทางบริการเข้าไว้ 3 ด้าน คือ Cash Management ที่กสิกรไทยเรียกว่า Cash Connect อธิบายถึงการดูข้อมูลทางบัญชี ส่งคำสั่งโอนเงินแล้ว ชำระเงินให้กับบุคคลภายนอก ติดตามสถานภาพของยอดบัญชีและข้อมูลต่างๆ ที่จะมากระทบยอดบัญชีในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งสามารถส่งคำสั่งในเชิงการจ่ายชำระเงินในหลายวิธี

ถัดมาคือ การบริการเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือ Trade Connect เพื่อสนับสนุนธุรกิจ นำเข้าและส่งออก เช่น เปิด L/C เช็คเงิน โอนเงิน ส่งคำสั่งเงินโอนออก ขอใช้วงเงินทางด้านเทรดไฟแนนซ์ รูปแบบนี้จะแตกต่างจากธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น คือ การรับส่งข้อมูลเป็น 2 ทาง เมื่อธนาคารได้ข้อมูลแล้ว สามารถตอบกลับและจะมีการตอบกลับอีกครั้งจากการทำงานบน web technology

สุดท้ายเป็นการพัฒนาต่อจาก Trade Connect เรียกว่า FX Connect คือ การซื้อขายเงินตราต่างประเทศออนไลน์ ลูกค้าสามารถซื้อขายเงินสกุลต่างๆ ด้วยการคีย์ข้อมูลเข้ามา โดยพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่ธนาคารกำหนดเอาไว้เฉพาะ จากนั้นลูกค้าเป็นฝ่ายตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย

อย่างไรก็ตาม แม้ Corporate Connect จะถูกสร้างขึ้นเพื่อบริการลูกค้าสถาบันแต่โดยความจริงแล้ว พวกเขาจะมีการทำธุรกรรมทั้งรับและจ่ายเงิน กับลูกค้าของตนเองและกับผู้บริโภคทั่วไป ดังนั้นจึงถูกเชื่อมโยงเข้ากับการให้บริการผ่านโฟนแบงกิ้ง เอทีเอ็ม และอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง

อีกทั้งหากบริษัทนั้นมี Corporate Connect แล้วสามารถดูข้อมูลการรับชำระเงินของตนเองได้ หลังจากที่ลูกค้าชำระเงินในทุกช่องทางหรือการชำระ เงินผ่านเคาน์เตอร์ บริษัทดังกล่าวยังดูข้อมูลออนไลน์ ได้ และเมื่อเห็นเงินเข้ามาก็ทำคำสั่งจ่ายให้คู่ค้าของ ตน หรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศออนไลน์ได้เลย

"เป็นบริการค่อนข้างพิเศษที่มีให้กับลูกค้า ผมเข้าใจว่าไม่มีธนาคารไหนที่เชื่อมโยงการบริการทั้งหมดได้ในลักษณะนี้" ธีรนันท์กล่าว

ข้อดีของธนาคารแห่งนี้คือ มีขนาดใหญ่มีเครือข่ายการให้บริการกว้างไกล และสามารถลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี ถึงแม้ว่าธนาคารพาณิชย์มีความสามารถไม่แตกต่างกัน แต่การบริการออนไลน์ให้กับบริษัทองค์กรถือเป็นเรื่องยุ่งยาก เนื่องจากต้องเชื่อมระบบปฏิบัติการข้างในทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าเห็นข้อมูลทั้งหมดของตนเอง

"ความซับซ้อนในความสามารถของระบบที่จะสร้างอำนาจในการดูข้อมูล และอำนาจในการสั่งจ่ายให้เลียนแบบอำนาจการมอบหมายในองค์กร ซึ่งเป็นตัวที่ดำเนินการยุ่งยากแต่เราก็สร้างขึ้นมาสำเร็จ"

ความแตกต่างของธนาคารกสิกรไทยกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ คือการที่ธนาคารไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ มามากมาย แต่เป็นความต้องการผสมผสานทุกอย่างมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด

ปัจจุบัน Corporate Connect มีลูกค้าประมาณ 300 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ที่มีปริมาณธุรกรรมสูง โดยส่วนใหญ่จะใช้บริการเพื่อดูข้อมูล โอนเงินระหว่างบัญชี และโอนเงินข้ามออกจากบัญชีตัวเอง และกว่าครึ่งยังไม่ต้องการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทน จากการลงทุน ธนาคารถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เพียงแต่ว่าไม่ได้ออกมาในรูปผลกำไร เพราะความจริงการที่ลูกค้าเชื่อมระบบผ่านอิเล็กทรอ นิกส์ จะมีการประหยัดต้นทุนต่อธนาคาร ขณะเดียวกันสร้างความสะดวกแก่ลูกค้า

"พวกเขาจะใช้บริการมากขึ้นและเป็นเรื่องภาพพจน์ว่า เราให้ความใส่ใจต่อลูกค้าด้วยรูปแบบบริการที่รวดเร็ว" ธีรนันท์ชี้ "มันได้ผล เช่น ลูกค้ารู้สึกว่าธนาคารมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด"

หลังจากเปิดให้บริการผ่านไปปีครึ่ง ถึงเวลาแล้วที่กสิกรไทยต้องพัฒนาการเพิ่มมากขึ้น โดยในเดือนนี้จะเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญอีกครั้ง เรียกว่า view online collection โดยสามารถชำระเงินได้ในทุกๆ ช่องทาง ลูกค้า เห็นข้อมูลเร็วและมากขึ้น แล้วส่งให้ธนาคารได้มากและเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน ที่สำคัญยังจะเชื่อมระบบเข้ากับระบบปฏิบัติการหลักของลูกค้า

"จากนี้ไปภาพจะเป็นแบบ STP ซึ่งทุกวันนี้ลูกค้ามีระบบเชื่อมโยงตั้งแต่การขาย ขนส่งจนถึงกระบวนการผลิตแล้วเชื่อมไปถึงการสั่งวัตถุดิบ การเงินและบริหารงานบุคคล"

ขณะนี้ธนาคารกำลังพัฒนาที่จะทำให้ระบบของลูกค้าเชื่อมผ่าน Corporate Connect โดยที่ไม่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเพียงแค่ดูภาพรวมของรายการต่างๆ เท่านั้น และหากเสร็จเรียบร้อยระบบ การทำงานของลูกค้าและธนาคารกสิกรไทยในรูปแบบ manual จะหมดไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉม หน้าการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก

"เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ โดยการที่จะออกผลิตภัณฑ์หรือช่องทางการให้บริการใหม่ๆ เราจะมองว่าพวกเขาจะพัฒนาองค์กรไปทางไหน ขณะนี้พวกเขาได้เริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานมากขึ้น" ธีรนันท์ชี้ "คอมพิวเตอร์ฝ่ายเรากับลูกค้า แยกกันอยู่เพื่ออะไรน่าจะจับมาเชื่อมกันโดยพยายาม สร้างสะพานขึ้นมา นั่นคือ Corporate Connect"

นอกจากนี้ภายในต้นปีหน้ากสิกรไทยจะเพิ่ม application เฉพาะอย่าง เพื่อความสะดวกในการขยายบริการของลูกค้าในวงกว้าง ซึ่งจะเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยมุ่งเน้นธุรกิจขนาดกลางและย่อม เนื่องจากบางแห่งไม่ต้องการบริการครบถ้วนแบบ Corporate Connect

นี่คือพัฒนาการของธนาคารกสิกรไทยเพื่อตอบสนองลูกค้าสถาบัน ซึ่งเป็นช่วงการทำงานในช่วงปลายเฟสที่ 2 และกำลังพัฒนาต่อในเฟสสุดท้าย หากประสบความสำเร็จยิ่งเกิดความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขั้นตอนการทำงานลดลงโดยธนาคารมุ่งสร้าง ในเชิงลึกและเชิงกว้างรวมถึงระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us