บลจ.นครหลวงไทยเดินหน้าออกกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กองที่สอง โดยเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนในเดือนกันยายนนี้ "อัจฉรา" เข็นแคมเปญคุ้มครองอุบัติภัยให้กับลูกค้าผ่านบริษัทประกันในเครือ เผยกองนี้เน้นบริหารเชิงรุก หวังสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยในอัตราสูง

นางสาวอัจฉรา สุทธิศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการและรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งถือเป็น กองทุน LTF กองที่สองของบริษัท โดยลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุน เพื่อลงทุนในระยะยาวจะได้รับการคุ้มครองอุบัติภัยจากบริษัทประกันในเครือของธนาคารนครหลวงไทย ตามวงเงินลงทุน ครอบคลุมระยะเวลาการลงทุน

"ลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนจะได้รับการคุ้มครองประกันอุบัติเหตุจากบริษัทประกันในเครือของธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ซึ่งเชื่อ ว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน"

ส่วนการที่ตัดสินใจออกกองทุน หุ้นระยะยาวในขณะนี้ บริษัทประเมิน ว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสทำกำไรจากการ ลงทุน โดยนโยบายการบริหารงานในครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทจะเน้นทำงานในเชิงรุกมากขึ้น เมื่อเทียบกับการลงทุนในครึ่งปีแรกที่ดำเนินนโยบายอนุรักษนิยม

นางสาวอัจฉรา กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังการเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนนครหลวงไทย การลงทุนค่อนข้างอนุรักษนิยม เนื่องจากบริษัทประเมินว่าแนวโน้มตลาดยังไม่สู้ดีมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบมาก ส่งผลให้การลงทุนในหลักทรัพย์จะเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่มีการจ่ายปันผลในอัตราที่สูง อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการจ่ายปันผลตามที่คาดการณ์ แต่ราคาหลักทรัพย์ก็ไม่ได้สะท้อนไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมยังเคลื่อนไหวตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์

ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลังนอกเหนือจากการออกกองทุนหุ้นระยะยาวแล้ว บริษัทมีแผนออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 1 กองทุน ซึ่งจะมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรอายุ 6 เดือน และ 1 ปี เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงขยับตัวต่อเนื่อง การออกกองทุนพันธบัตรเสนอขายให้กับนักลงทุนยังคงได้รับการตอบรับอย่างมาก เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

สำหรับการออกกองทุนตราสารหนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบ การลงทุน ซึ่งเชื่อว่าในครึ่งปีหลังจะมีการออกมาระดมทุนเช่นเดียวกัน แม้ก่อนหน้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีการออกหลักเกณฑ์ที่คุมเข้มการลงทุนในตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ชะลอตัว ทั้งในส่วนของผู้ออกตราสาร หรือนักลงทุนเองก็เริ่มวิตกกังวลในการลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้

ส่วนการออกกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ บริษัทจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนได้ โดยนโยบายการลงทุนจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อกระจายความ เสี่ยงการลงทุนให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการลงทุนในกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า สภาพคล่องในการ ซื้อขายหน่วยลงทุนมีน้อยมาก ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางว่าจะปิดช่องว่างในปัญหานี้ได้อย่างไร เพื่อให้เกิดสภาพคล่องสำหรับผู้ที่จะเข้าลงทุนผ่านกองทุน FIF ภายใต้การ บริหารจัดการของบริษัท