เมอร์เซเดส-เบนซ์เดินหน้าลุยตลาดรถยนต์ระดับหรูครั้งใหม่กับการเผยโฉมโมเดลเชนจ์ หรือรุ่นใหม่ล่าสุดของเอส-คลาส ซึ่งจะใช้รหัสตัวถังดับเบิลยู 221 พร้อมขายในยุโรปแน่นอนปลายปีนี้กับ 2 รุ่นจากเครื่องยนต์เบนซิน ส่วนตัวแรงในรหัสเอส600 และเทอร์โบดีเซลต้องอดใจรอจนถึงช่วงเดือนมีนาคม 2006
เอส-คลาสใหม่จะเข้ามาแทนที่รุ่นเดิมซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1998 และประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่ายอย่างมากด้วยตัวเลขสูงถึง 485,000 คันจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ส่วนรุ่นใหม่มีการเปิดเผยภาพคันจริงออกมาแล้ว และเชื่อว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะนำออกจัดแสดงในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2005 เดือนกันยายนนี้ ก่อนเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าหลังจากนั้น
ในรุ่นใหม่มีจำหน่าย 2 รุ่น คือ ฐานล้อปกติ และรุ่นฐานล้อยาว และได้รับการขยายสัดส่วนของมิติตัวถังรอบคัน เช่น ความยาวอยู่ที่ 5,076 มิลลิเมตรในรุ่นปกติ และ 5,206 มิลลิเมตรในรุ่นฐานล้อยาว เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 33 และ 43 มิลลิเมตรตามลำดับ ส่วนระยะฐานล้อ เพิ่มขึ้น 70 และ 80 มิลลิเมตรเป็น 3,035 และ 3,165 มิลลิเมตร ขณะที่ความกว้างอยู่ที่ 1,817 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร
รูปลักษณ์ของเอส-คลาสได้รับการออกแบบโดยผสมผสานแนวทางการผสานความสปอร์ตเข้ากับความบึกบึนซึ่งทำได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการเสริมโป่งที่ซุ้มล้อทั้ง 4 ด้าน และตัวถังด้านหลังยังได้รับอิทธิพลการออกแบบมาจากรถยนต์หรูอย่างมายบัค 57/62 จึงช่วยเพิ่มความสวยสะดุดตาในทุกมุมมอง
ในช่วงแรก ค่ายดาว 3 แฉกเปิดตลาดด้วย 2 ทางเลือกของรุ่นเบนซิน คือ เอส350 กับเครื่องยนต์วี6 ที่มีกำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. และรุ่นเอส500 เครื่องยนต์วี8 388 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 54 กก.-ม. ส่วนรุ่นเอส600 มากับเครื่องยนต์วี12 มีกำลังสูงสุด 517 แรงม้า และรุ่นเอส320ซีดีไอ เทอร์โบดีเซล 231 แรงม้ายังไม่มีขายในตอนนี้ และต้องรอจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า และทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
อีกจุดเด่นของเอส-คลาสใหม่คือ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบเบรก แอสซิสต์ พลัส ทำงานร่วมกับระบบเบรกมืออิเล็กทรอนิกส์ และดิสทรอนิก พลัส (ครูสคอนโทรลอัจฉริยะที่ปรับระดับความเร็วได้ตามสภาพเส้นทางและตั้งค่าความเร็วตั้งแต่ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ในการเพิ่มแรงเบรกตามความเหมาะสม ตามด้วยระบบไนท์วิชั่น ใช้คลื่นอินฟาเรดตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถ โดยมีรัศมีทำการ 150 เมตร เพ่อความปลอดภัยในขณะขับกลางคืน และระบบพรีเซฟตี้ รุ่นที่ 2 ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิมในการช่วยลดความรุนแรงของการชนในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้
เปิดตัวขายจริงแน่ในปลายปีนี้กับราคาเริ่มต้นในเยอรมนี 70,760 ยูโร หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท
|