Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 สิงหาคม 2548
เหมราชฯพลิกแผนสร้างรายได้ เพิ่มตลาดอสังหาฯเสริมนิคมฯ             
 


   
www resources

โฮมเพจ เหมราชพัฒนาที่ดิน

   
search resources

เหมราชพัฒนาที่ดิน, บมจ.
Real Estate




จับตาเหมราชฯเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อลดความเสี่ยงจากธุรกิจการขายที่ดินและบริการระบบสาธารณูปโภค ขณะที่แผนลงทุนโครงการแห่งที่ 2 ใกล้ได้ข้อสรุป คาดจะเป็นส่วนเกื้อหนุนรายได้ พร้อมเร่งพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่งของบริษัทเอส ไอ แอลฯ รองรับลูกค้ากลุ่มรถยนตร์ อิเลคทรอนิกส์ และธุรกิจพลาสติกและโพลีเมอร์

นายวิวัฒน์ จิรัฐติกาลสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ว่า ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของบริษัท แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ รายได้จากการขายและพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ประมาณ 40% , รายได้จากการให้บริการระบบสาธารณูปโภค 30% และรายได้จากภาคอสังหาริมทรัพย์ 20% ซึ่งภายในปี 2550 (2007) โครงสร้างรายได้ของบริษ้ทจะปรับเปลี่ยนไป เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ โดยสัดส่วนรายได้ทั้ง 3 กลุ่ม เฉลี่ยจะอยู่ที่ 33%

ทั้งนี้ ตามแผนแล้วในปี 2549 รายได้จากการขายที่ดินในนิคมจะเติบโตถึง 2 เท่าของจีดีพี รายได้โรงงานสำเร็จรูปเพื่อให้เช่าและขาย (ในส่วนของระบบสาธารณูปโภค) โต15-20% ซึ่งหลักๆ มาจากการลงทุนของต่างประเทศ 95% ที่เหลือเป็นส่วนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมของไทย 5% ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีโครงการที่บริหารอยู่เพียงแห่งเดียว คือ เดอะพาร์ค ชิดลม คาดว่าปี 49 จะปิดการขายได้ทั้งหมด จากปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70% ของมูลค่าโครงการ มียอดรับรู้รายได้ 20% ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังศึกษาแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ "เดอะพาร์ค" ในบริเวณย่านใจกลางเมืองขนาดเนื้อที่ 5-6 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดโครงการได้กลางปี 49

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 97.2 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 78.1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลกำไรสุทธิที่ลดลงจำนวน 91.7ล้านบาท เป็นผลจากการลดลงของกำไรที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงานจำนวน 111.2ล้านบาท ที่รับรู้จากการปรับประเมินมูลค่าที่ดินและอื่นๆ ในปี 2547

ขณะที่รายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวน 1,242.3 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 จำนวน 1,186.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น5% บริษัทฯมีรายได้จากธุรกิจหลักจำนวน 1,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234.6 ล้านบาท หรือ 24% เทียบกับปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิรวม 299.5 ล้านบาท เป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานจำนวน 111.2 ล้านบาทหรือเทียบเท่า 70% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่าน โดยมาจากรายได้ในการเช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นและจากยอดขายคอนโดมิเนียม ผลกำไรสุทธิที่ลดลงจำนวน 180.6ล้านบาท เป็นผลจากการลดลงของรายได้ที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงานจำนวน 310.6ล้านบาท ที่รับรู้จากการปรับประเมินมูลค่าที่ดิน การขายเงินลงทุน การปรับโครงสร้างหนี้ และอื่นๆ

วิวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าของการบริหารเขตอุตสาหกรรมของบริษัท เอส ไอ แอล ที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด (เอสไออแอล) หลังจากที่ได้ซื้อหุ้นจำนวน 25% ในบริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC โดยมีแผนพัฒนาเขตอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่ง ให้เป็นพื้นที่การลงทุนอุตสาหกรรมด้าน อิเลคทรอนิกส์ ,รถยนต์ และพลาสติกและโพลีเมอร์ แยกเป็นส่วนเขตอุตสาหกรรมเอส ไอ แอล จะผลักดันให้เป็นเขตอุตฯปลอดภาษี หรือเป็นเขตที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ ที่ได้รับยกเว้นภาษีการนำเข้าเครื่องจักรได้ 100% ยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบหรือส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นเวลา 1 ปี และยกเว้นภาษีรายได้เป็นระยะเวลา 10 ปี ขณะนี้ บริษัทได้ติดต่อกรมศุลากรในการจัดตั้งเขตปลอดภาษีในเขตอุตฯเอส ไอ แอล จำนวน 450 ไร่ คาดว่าจะได้รับการอนุญาตภายในระยะ 2 เดือนจากนี้

" เป้าหมายในการพัฒนาเขตประกอบอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล ให้เป็นศูนย์สำหรับอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ และศูนย์โลจิกติกส์โดยที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในเขตอุตสาหกรรมดังกล่าว เนื่องจากเป็นเขตปลอดอากร ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ในอนาคตเขตอุตฯเอส ไอ แอล จะประสบความสำเร็จ "นายวิวัฒน์ กล่าว

ดังนั้น ในอนาคตอาจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอส ไอ แอลฯ ครบ 100% ภายใต้เงื่อนไขสามารถสร้างผลประกอบการที่ดี โดยในระยะ 5 ปีแรก บริษัทได้มีขัอตกลงกับปูนซีเมนต์ไทย ในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นได้โดยไม่จำกัด

สำหรับ เขตอุตสาหกรรมเอส ไอ แอล อินดัสเตรียลแลนด์ (สระบุรี) มีพื้นที่ในการพัฒนาทั้งสิ้น 3,655 ไร่ โดยในช่วงก่อนที่บริษัทเหมราชฯจะเข้ามาบริหารการขาย มีการขายที่ดินไปแล้ว 300 ไร่ และเป็นส่วนที่เหมราชฯจะดำเนินการขายได้ประมาณ 100 ไร่ (เข้ามารับหน้าที่การขายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาการขายกับผู้ลงทุน โดยมีการประเมินว่าทั้งปีจะมียอดขายรวมไม่เกิน 400 ไร่ ส่วนของเขตอุตสาหกรรมระยอง ไอ แอล อินดัสเตรียลแลนด์(RIL) มีพื้นที่ในการพัฒนา 3,468 ไร่ ซึ่งเอส ไอ แอล ถือหุ้นเต็ม 100% ในRIL   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us