|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยูโอบีเคย์เฮียน แนะเก็บLH เมื่อราคาอ่อนตัว เพราะราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาพื้นฐานและควรรอซื้อหลังสถาบันการเงินปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว ด้านดีบีเอสแนะขายทิ้ง เหตุราคาสูงกว่าราคาพื้นฐานที่ 7.80 บาท
โกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรสุทธิของ LH ปีก่อนที่ประกาศออกมาลดลงจากปี 46 โดยEPSปี 47 อยู่ที่ 0.79 บาทต่อหุ้น จากปี 46 อยู่ที่ 0.91 บาทต่อหุ้น ลดลงไป 13% เนื่องจากมี วอร์แรนท์ (LH-W2) ทยอยแปลงสภาพ ประกอบกับESOPที่ให้พนักงานด้วย
สำหรับปี 48 คาดว่าบริษัทจะเติบโต 15% กำไรต่อหุ้นคาดว่าน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปี 46 คือ 0.88-0.9 ดังนั้น ถ้าใช้PE 11 ราคาจะอยู่ที่ 9.9 จึงควรจะซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงปลายมี.ค.ถึงต้นเม.ย. ซึ่งในช่วงนั้นอาจจะได้เห็นผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 48 ที่คาดว่ายังไม่ขยายตัวชัดเจนนัก
"ขณะนี้ยังรอได้เพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศน่าจะทยอยปรับขึ้น โดยเฉพาะสถาบันการเงินจะปรับสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยภายในต้น เม.ย. เนื่องจากก่อนหน้านั้นแบงก์ชาติประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยR/Pแล้ว ซึ่งแบงก์พาณิชย์มักจะปรับอัตราดอกเบี้ยตามหลังจากแบงก์ชาติปรับอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 1 เดือน"
น้ำมันขึ้นกระทบหุ้นอสังหาฯ
ประกอบกับหลายค่ายออกมากล่าวว่าจะปรับราคาขายขึ้นตามราคาน้ำมันดีเซลและวัสดุก่อสร้าง เหล่านี้ก็จะทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอสังหาฯในช่วงที่สถาบันการเงินขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน และจะส่งผลทำให้อุปสงค์ในตลาดชะลอลง เพราะฉะนั้นถ้าจะซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ควรรอซื้อหลังสถาบันการเงินปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว
ทั้งนี้ ขณะนั้นจะเป็นดีมานต์จริงประกอบกับในเดือนมี.ค.ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล จะปรับขึ้นและจะส่งผลให้ในอีกไม่นานก็จะมีการปรับราคาขายบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งขณะนั้นคาดว่าราคาหุ้นจะลงในช่วงก่อนหรือขณะประกาศขึ้นราคาขาย
อย่างไรก็ตามการปรับราคาขายขึ้นอาจจะทำให้ยอดขายและจำนวนหน่วย รวมทั้งปริมาณขายลดลงแต่คงไม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในบางทำเล เช่น ทำเลรองรับสนามบินสุวรรณภูมิ และรองรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ขณะที่ราคาบ้านจะปรับขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ราคาขายที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะส่งผลทำให้ดีมานต์ตก หรือDropลงในบางทำเลเท่านั้น
"โดยภาพรวมดีมานต์ลดลง ถ้าแต่ละบริษัทจะปรับราคาขายเฉลี่ย 5-8% จะต้องดูที่การส่งเสริมการขายเพื่อจูงใจ เพราะในตอนนี้คุณภาพและผลงานที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อดีมานต์น้อยลง เนื่องจากรายอื่นดำเนินงานได้ไม่ด้อยกว่ากันมาก ดังนั้นจึงต้องวัดกันที่ทำเล ราคา และวิธีส่งเสริมการขาย"
KK ชี้ราคาตกรับข่าวผลประกอบการ
ขณะที่วิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK กล่าวว่า ปัจจุบันราคาหุ้นของLH ถูกพักตัวลงมาจากก่อนประกาศผลประกอบการ ที่มีการแกว่งตัวอยู่ที่ 10-10.50 บาท แต่หลังประกาศผลประกอบการ ราคาหุ้นมีการถอยตัวลงมาอยู่ที่ 8.75 บาท ซึ่งเป็นการถอยอยู่ในระดับประมาณ 14.2% ซึ่งในระดับการแกว่งตัวนี้แสดงว่าราคาหุ้นมีการตอบรับกับผลประกอบการที่ผ่านมา
ส่วนผลประกอบการของบริษัทหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ประกอบด้วย กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง บ้านจัดสรร นิคมอุตสาหกรรม และoffice building ซึ่งถูกคาดการณ์ไม่เด่นนักในปีที่ผ่านมา เนื่องจากประสบปัญหาต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูน, เหล็กและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่LHต่ำกว่าที่คาดไว้ เพราะเป็นตัวหลักในกลุ่มHousing
"ที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ไม่เด่นตามที่คาดการณ์ไว้ และมีหลายตัวที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากGross Profit Marginได้รับผลกระทบ และในส่วนของHousingบางตัวในQ4ไม่เด่นนัก เพราะการรับรู้รายได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ"
ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท
ด้านบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำขาย เพราะราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานเท่ากับ7.80บาท ขณะที่ปัจจุบัน 8.75 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมาย
โดยปีนี้ LH มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 13 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 28,000 ล้านบาทโดยผู้บริหารคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโตขึ้น 15% มาจากโครงการที่เปิดขายใหม่และโครงการต่อเนื่อง
สำหรับยอดขายของเดือนม.ค.48อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็น1,500 ล้านบาท ในเดือนก.พ.นี้ ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะดีขึ้นต่อในเดือนมี.ค.48
|
|
|
|
|