|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มั่นใจคราวนี้บ้านขึ้นราคาจริง ไม่ใช่แค่ขู่ขึ้นราคาเหมือนปลายปีก่อน เหตุแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ไหว
เพดานจ่อคิวขึ้นเพียบ
ผู้บริโภครับกรรมเช่นเคย
จับตาอีกไม่เกิน 2-3 เดือน บ้านจัดสรรพาเหรดราคาแน่นอน เหตุไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่พุ่งขึ้นได้ เริ่มจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นตั้งแต่ปีก่อน ตามด้วยราคาน้ำมันที่เป็นหัวใจหลักในการขนส่ง และวัสดุก่อสร้างหลายชนิดที่ได้ทยอยปรับขึ้นไปแล้ว และกำลังจะปรับขึ้นอีกอย่างไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดนิ่ง เหล็กนำขบวนขึ้นไปเมื่อเดือนก่อน ตามด้วยปูนซิเมนต์ สี และฝ้าเพดาน
แม้ว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรหลายรายต่างก็ออกมาประกาศอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมายว่าปีนี้จะปรับขึ้นราคาบ้านอย่างแน่นอน เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก หรือปูนซิเมนต์ รวมถึงค่าแรงงาน ที่ปรับสูงขึ้นจากปัญหาแรงงานขาดแคลน ทั้งแรงงานฝีมือระดับช่าง และแรงงงานทั่วไป
แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือน ปรากฎว่ามีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ที่ประกาศปรับราคาขายขึ้น อาทิ กลุ่มบริษัทในเครือแสนสิริ และบมจ.อารียา พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนรายอื่น ๆ ยังไม่ได้ปรับราคา แม้ว่าจะต้องการปรับราคาขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการที่ทำให้ไม่กล้าปรับราคา เช่น ภาวะการแข่งขันที่ร้อนแรง ขณะที่กำลังซื้อเริ่มชะลอตัวลง จากความไม่เชื่อมั่นรายได้ของตัวเอง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะกลัวว่าจะกระทบต่อยอดขาย
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ และเก็บรวมรวมข้อมูลโดย"ผู้จัดการรายสัปดาห์"พบว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมันดีเซลรวดเดียวลิตรละ 3 บาท จากเดิมที่ประกาศว่าจะทยอยขึ้นแบบขั้นบันไดครั้งละ 1 บาทต่อลิตร เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการเตรียมตัวรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายรัฐบาลกลับไม่ทำตามที่ประกาศไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนโดยตรงต่อกระบวนการผลิต เพราะผู้ผลิตตั้งตัวไม่ทัน
ดังนั้น ผู้ประกอบการในเกือบทุกรายการเตรียมปรับราคาสินค้าอย่างแน่นอน แต่การปรับราคาจะปรับตามต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้น และจะปรับราคากับสินค้าที่ผลิตจากต้นทุนใหม่เท่านั้น ส่วนสินค้าที่ผลิตจากต้นทุนเก่าจะขายในราคาเดิม โดยเฉลี่ยสินค้าต้นทุนเก่ามีสต็อกประมาณ 2-3 เดือน ส่วนสินค้าที่จะขายในช่วง 2 -3 เดือนข้างหน้าจะขายในราคาใหม่เท่านั้น เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้
เอพีเชื่อดีเซลขึ้นไม่กระทบกำลังซื้อ
อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรอื เอพี เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นถึงลิตรละ3 บาท รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อมากนัก แต่ในช่วงแรกอาจจะลังเลการตัดสินใจซื้อออกไปบ้าง หลังจากนั้นจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อน่าจะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในรายได้และเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า หากผู้บริโภคขาดความมั่นใจในรายได้ หรือภาวะเศรษฐกิจจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยตรง
ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลกระทบต่อตลาดบ้านจัดสรร คือ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า และหากในปีนี้รัฐบาลสามารถผลักดันจีดีพีให้อยู่ที่ระดับ 5 % ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถเติบโตไปได้อีก แต่จากการแข่งขันที่รุนแรงส่งผลให้ผู้ประกอบการปรับราคาบ้านไม่ได้มากนัก โดยแบรนด์สินค้า รูปแบบและดีไซน์ จะมีบทบาทในการทำตลาดมากขึ้น ผู้ประกอบการทุกรายต้องทำการบ้านให้มากขึ้น ผู้ที่ได้เปรียบน่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในตลาดมานาน โดยเอพีมีความได้เปรียบตรงนี้ เพราะมีโครงการกระจายในหลายทำเลและทำตลาดมานาน ทำให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคในย่านต่าง ๆ จำนวนมาก
ปูนใหญ่จ่อคิวขึ้นราคา
ด้านปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตปูนซิเมนต์ตราเสือ-ช้าง กล่าวถึงผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมันดีเซลว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายปรับราคาปูนซิเมนต์ขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น กระทบในส่วนของค่าขนส่งเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่ส่งกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งหากค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถ่านหินก็อาจจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตได้ โดยที่ผ่านมาราคาถ่านหินได้เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว แต่บริษัทยังคงควบคุมต้นทุนการผลิตได้ นอกจากนี้บริษัทยังไม่ได้แบกรับต้นทุนเรื่องค่าขนส่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอย่างเต็มที่ แต่ผู้ที่รับภาระจะเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ต้องมารับสินค้าจากหน้าโรงงานเอง
ปัจจุบันนี้ราคาปูนเสือ และปูนช้างเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 2 บาท หรือราคา 1,900 บาทต่อตัน ราคาดังกล่าวจะขึ้นลงบ้างในบางช่วง แต่ยังคงอยู่ในระดับนี้มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ในขณะที่เพดานราคาปูนซีเมนต์ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดอยู่ที่ระดับ 1,958 บาทต่อตัน ดังนั้นยังสามารถขยับราคาได้อีกเล็กน้อย แต่หากราคาต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่เป็นอยู่ก็จะต้องขอกระทรวงพาณิชย์ขยับราคาขึ้นไปอีก
สำหรับกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวมในประเทศปีที่ผ่านมามีปริมาณ 53 ล้านตัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อใช้ในประเทศ 28 ล้านตัน ส่งออก 10-12 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นกำลังผลิตส่วนเกิน ขณะที่ปูนซิเมนต์ไทยมีกำลังการผลิตเต็มกำลังการผลิต 23 ล้านตัน แต่ปัจจุบันใช้เพียง 75 % ของกำลังการผลิตรวม โดยมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศ 40%
ปัจจุบันบริษัทให้ส่วนลดสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายเหมือนเดิมคือประมาณ 50-100 บาทต่อตัน ตามภาวะการแข่งขันของแต่ละพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในช่วงหน้าแล้งปริมาณการใช้งานปูนซีเมนต์จะมีมาก การแข่งขันน้อย จึงไม่จำเป็นต้องให้ส่วนลดมาก ส่วนในช่วงหน้าฝน เป็นระยะที่มีการแข่งขันรุนแรง ทำให้บริษัทต้องให้ส่วนลดแก่ตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น แต่คณะกรรมการสินเชื่อของบริษัทจะเป็นผู้พิจารณา ว่าจะให้ส่วนลดเท่าใด โดยพิจารณาเป็นรายๆ ไป
เดลต้าฉวยจังหวะผู้นำขึ้นราคาเร่งดันยอดขาย
ขณะที่รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สีเดลต้า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีเดลต้า กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม เพื่อปรับราคาสีขึ้นจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่จะยังไม่ปรับราคาในช่วงนี้อย่างแน่นอน เพราะเดลต้าเป็นสีที่มีมาร์เก็ตแชร์ในอันดับ 3-4 ของตลาด ดังนั้น หากปรับราคาขึ้นอาจจะมีผลต่อยอดขายได้
ทั้งนี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ผู้นำตลาดได้ปรับราคาขึ้นไปแล้วเฉลี่ยที่ 7-8% โดยบริษัทจะอาศัยโอกาสที่ผู้นำปรับราคาขาย สร้างยอดขายให้สีเดลต้าเพิ่มขึ้น ด้วยการยืนราคาเดิมไปก่อน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ด้านการเงินเข้ามามีบทบาทในการสร้างยอดขายด้วย
โดยการร่วมมือกับบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการจัดแคมเปญ " สีเดลต้า ทาก่อนผ่อนทีหลัง " เป็นรายแรกในประเทศ โดยลูกค้าที่ซื้อสีทาบ้านเดลต้า ราคาตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไปถึง 1 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 26มี.ค.-26 มิ.ย.นี้ สามารถผ่อนจ่ายกับแคปปิตอลฯ ได้ในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 4 เดือน หากมากกว่า 4 เดือน คิดดอกเบี้ยเพียง 0.99%
สำหรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เดลต้าจะเป็นผู้รับภาระในเวลา 4 เดือน ซึ่งได้เตรียมงบประมาณ ในส่วนนี้ประมาณ 40-50 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าดอกเบี้ย 60% และงบการตลาดอีก 40%
DCON รอดูผลกระทบใน 3 เดือน
ด้านวิทวัส พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DCON กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก จากการปรับราคาขึ้นของน้ำมันดีเซล โดยมองว่าหากน้ำมันไม่ปรับราคาเพิ่มวัตถุดิบก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มราคาขึ้นอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 10 %จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้หากราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลกระทบประมาณ 15-20% ภายใน 3-5 เดือนข้างหน้า สำหรับลูกค้ารายเดิมอาจไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาวัสดุ แต่สำหรับลูกค้ารายใหม่นั้น ราคาสินค้าจะต้องปรับไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มสำหรับยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ไม่ดีเท่ากับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาวัสดุปรับตัวสูงขึ้น อาทิ การปรับเพิ่มราคาปูนซิเมนต์ เหล็ก เป็นต้น ส่งผลกระทบกับต้นทุนของบริษัทที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก ขณะนี้มีเฉพาะเรื่องการขนส่งเท่านั้น ที่มีผลกระทบค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น อย่างไรก็ตามรายได้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายอดขายแผ่นพื้นและเสาเข็มเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% แต่รายได้จากราคาขายลดลง
ยิบซั่มให้ส่วนลดเอเย่นต์น้อยลง
ส่วนชัยฤทธิ์ สังสิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด ผู้ผลิตฝ้าเพดานหรือผนังยิปซัม กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น มีผลกระทบในส่วนของค่าขนส่งเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม นอกจากค่าขนส่งแล้ว น้ำมันก็เป็นปัจจัยการผลิตส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนปรับราคาขึ้นอย่างแน่นอน จากที่มีการประกาศปรับราคาไปก่อนหน้านี้แล้ว
อีกทั้ง ยังคาดว่าการปรับราคาน่าจะมีผลเร็วกว่าการปรับราคาของปูนใหญ่ด้วย ส่วนจะขึ้นในอัตราเท่าไหร่นั้น ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากบริษัทมีสินค้าหลากหลาย และหากมีการปรับราคา สินค้าแต่ละประเภทก็จะขึ้นราคาไม่เท่ากัน โดยในส่วนของการจำหน่ายผ่านเอเจนต์ซึ่งเป็นลูกค้าส่วนใหญ่นั้น จะอยู่ในรูปแบบที่ให้ส่วนลดน้อยลง ทั้งนี้การปรับราคาดังกล่าวจะเป็นไปตามภาวะตลาดที่สามารถแข่งขันได้ด้วย
|
|
|
|
|