“วัชรพล” ชื่อนี้ยังมีมนต์ขลังเสมอ สำหรับประชาชนผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน เนื่องจากมีศักยภาพที่ครบครัน ตรงใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองที่หนาแน่นจนเกินไป แต่ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าอยู่ชานเมือง มีโครงข่ายการคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลายเป็นทำเลทองในใจของทั้งผู้อยู่อาศัยและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการจะเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ วัชรพล!

ธัญญา สิริปูชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ตลาดรวมของบ้านเดี่ยวในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ทำเลวัชรพล นับเป็นอีกหนึ่งทำเลของตลาดที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยความเป็นชุมชนที่ขยายตัวต่อเนื่องจากย่านลาดพร้าวมีระบบโครงข่ายทางด่วนขั้นที่ 2 เชื่อมเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว และกำลังก่อสร้างส่วนเชื่อมขยายต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก อีกทั้งยังมีที่ดินว่างเปล่าอยู่มากตั้งแต่ห้าแยกไปตามถนนรัตนโกสินทร์สมโภชน์และถนนกม.11 จนถึงถนนสายไหมเชื่อมต่อไปยังลำลูกกา โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่ห้าแยกเป็นต้นไป ดังนั้น การที่จะมองหาที่ดินว่างเปล่า ในช่วงบริเวณต้นถนนวัชรพลเพื่อนำมาพัฒนาโครงการจัดสรรจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก

พื้นที่ย่านวัชรพลนั้น นับว่ามีการแข่งขันที่สูงมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระบบโครงข่ายคมนาคมเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายจะออกไปทางนอกเมืองก็ง่ายและรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งการแข่งขันของผู้ประกอบการนั้น หลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ การแข่งขันทางตรง หรือการแข่งขันในพื้นที่ หรือกับโครงการที่อยู่ในซอยเดียวกัน โดย 90% เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และส่วนใหญ่จะเป็นราคาบ้านที่อยู่ในระดับเดียวกันคือ เริ่มต้นตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนการแข่งขันทางอ้อม หรือการแข่งขันนอกพื้นที่นั้น คู่แข่งจะทำโครงการอยู่รอบนอกเขตวัชรพลออกไป ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างไกลจากถนนเส้นหลัก อีกทั้งระดับราคาบ้านก็จะต่ำกว่าโครงการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ถนนวัชรพล โดยเฉลี่ยบ้านจะอยู่ที่ระดับราคา 2 ล้านบาทต้น ๆ

“ในพื้นที่เขตวัชรพล มีผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการขายอยู่ในตลาด 4-5 รายเท่านั้นขณะที่โครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลที่ไกลจากถนนสายหลักออกไป ซึ่งต่างกับโครงการของบริษัท ที่อยู่ติดถนนหลักทำให้ได้เปรียบในเรื่องของทำเล”

ทั้งนี้บริษัทได้สำรวจความต้องการของลูกค้า และพบว่า ลูกค้าต้องการโครงการคุณภาพในทำเลที่ดี เข้าออกได้สะดวกและราคาสมเหตุสมผล เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันนี้ โดยลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการของบริษัท 10 โครงการพบว่า ลูกค้าต้องการบ้านระดับราคา 2-3 ล้านบาทสูงถึง 50% รองลงมาคือระดับราคา 500,000 แสนบาท - 2 ล้านาท 30% และมากกว่า 3 ล้านบาท 20%