|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีโอเอ ประกาศแย่งมาร์เก็ตแชร์ไอซีไอ-นิปปอนเพ้นท์ ในสินค้าทุกประเภท ที่ทั้งสองรายเปิดตลาดแล้วในตลาดต่างประเทศ ด้านนิปปอนเพ้นท์
หลังจากชิมลางตลาดต่างประเทศด้วยการส่งสินค้าเข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในปีนี้ บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีทาบ้าน สีทาอาคาร รายใหญ่ของไทย ได้ฤกษ์ขยายตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ก่อนลุยทำตลาดจริง เพราะเพิ่งจะก่อตั้งแผนกต่างประเทศขึ้นหลังจากเกิดวิกฤติฟองสบู่เพียง 2-3 ปีเท่านั้นเอง ดังนั้นในปีที่ผ่านมาจึงเป็นปีแรกที่ ทีโอเอ ย่างก้าวขยับขยายออกไปทำตลาดต่างประเทศ ก่อนประกาศรุกเต็มตัวในปีนี้
ที่น่าจับตามองมากที่สุดสำหรับการรุกตลาดต่างประเทศของ ทีโอเอ ในปีนี้ไม่ได้หวังอยู่ที่เพียงแค่ยอดขายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่ ทีโอเอ หวังเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือ การเข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดในทุกๆ ประเทศที่คู่แข่งรายสำคัญ 2 ราย อันได้แก่ ไอซีไอ และ นิปปอนเพ้นท์ เข้าไปทำตลาด ด้วยการประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะเข้าไปทำตลาดในทุกประเภทที่คู่แข่งทั้ง 2 รายได้เข้าไปบุกเบิกตลาดมาแล้ว
เล็งขยายตลาดตปท.
วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ สายงานต่างประเทศ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย ) จำกัด กล่าวถึงแผนการตลาดของบริษัทว่า การรุกตลาดต่างประเทศของ ทีโอเอ จะเน้นนโยบายการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในทุกๆ ตลาด
ไม่ว่าจะเป็นตลาดเดิมที่ทำธุรกิจอยู่แล้วหรือตลาดใหม่ที่บริษัทจะขยายฐานลูกค้าออกไปให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จาก 43 ประเทศเป็น 80 ประเทศ ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศใหม่ๆ ที่อยู่ในกลุ่มประเทศแถบอาเชี่ยน เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง
โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการเพิ่มไลน์สินค้าจากปัจจุบันที่ส่งไปจำหน่ายแค่เพียงสเปร์ย และกระดาษทราย โดยมีสินค้าภายใต้ยี่ห้อ Super Shield ,Super Shield Dur Aclean และ Shield All เป็นสินค้าหัวหอกในการทำตลาด หลังจากได้ยกเลิกการส่งออกสินค้าประเภทสีรถยนต์และ สีท่อ ไปแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี เนื่องจากไม่ใช่สินค้าหลักของบริษัท
ทั้งนี้ แค่ระยะเวลาเพียง 1 ปีเศษสำหรับการทดลองทำตลาดในต่างประเทศด้วยการทำตลาดผ่านเอเยนต์ ทีโอเอ สามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศได้ถึง 300 ล้านบาทในปี 2546 และเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทในสิ้นปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าโกยยอด 5,000 ล้านใน 5 ปี
โดยในปีนี้แม้ว่าจะถอดไลน์สินค้ากลุ่มสีรถยนต์และสีท่อออกจากตลาดส่งออกแล้ว ทีโอเอ ยังมุ่งหวังที่จะผลักดันยอดขายจากต่างประเทศให้ได้ถึง 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้าในการผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถกำหนดทิศทางการทำตลาดในต่างประเทศที่ชัดเจนได้ภายหลังจากเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังแล้ว 2-3 ปี
วนรัชต์ กล่าวว่า ในเบื้องต้น ทีโอเอ ได้ทำการเพิ่มทุนโดยการกู้เงินจากบริษัทแม่ในประเทศไทย จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายการลงทุนในต่างประเทศ แบ่งเป็นการลงทุนขยายโรงงานในเวียดนาม 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เหลือเป็นการลงทุนในมาเลเซียและจีน
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเพื่อการผลิตสินค้าและทุ่มเทให้กับการทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ เพราะด้วยข้อจำกัดของพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การทำตลาดแต่ละแห่งแตกต่างกันไปด้วย
ดังนั้น ทีโอเอ จึงต้องตอบโจทย์ของลูกค้าในตลาดนั้นๆ ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายว่าเวียดนามจะเป็นตลาดที่แข็งแกร่งของ ทีโอเอ ต่อไปภายในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า
แม้ว่าจุดมุ่งหมายในการทำตลาดของ ทีโอเอ ในปีนี้จะพุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ แต่สำหรับตลาดในประเทศแล้ว ทีโอเอ ก็ไม่ได้ปล่อยให้ยอดขายหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เพราะในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบประมาณเพื่อทำการจัดซื้อโปรแกรมการผสมสีที่เรียกว่า TOA IDEA COLOR
จากประเทศออสเตรเลียมาใช้แทนโปรแกรมการผสมสีแบบเดิมที่มีความซับซ้อน ล่าช้า และต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าจะได้ผสมสีให้กับภาพ 1 ภาพ ซึ่งเมื่อนำโปรแกรมใหม่มาติดตั้งจะย่นเวลาในการผสมสีลงเหลือเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
"ประโยชน์ที่ได้คือช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการเลือกซื้อสี และได้สีที่เหมาะกับความต้องการ ซึ่งบริษัทจะต้องใช้เงินลงทุนสำหรับการติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว 13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30,000 บาทต่อโปรแกรม"
นิปปอน เปิดตัว CDC ชนทีโอเอ
ด้านนิพนธ์ วานิยะพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัว NIPPON PAINT COLOUR DESIGN CENTER หรือ CDC ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของนักออกแบบด้านสีที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เรื่องสีโดยเฉพาะ โดยจะมีทีมงาน 3 กลุ่ม ทำการศึกษาวิจัย คัดเลือกและออกแบบแนวทางของสีที่เหมาะสมที่สุดทั้งในด้านอารมณ์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน ประกอบด้วย กลุ่มออกแบบสีรถยนต์ และเทรนด์ของสีรถยนต์ กลุ่มออกแบบสีสำหรับผลิตภัณพ์อุตสาหกรรม และ SPACE DESIGN GROUP ซึ่งทำการออกแบบและนำเสนอสีสำหรับทาอาคาร ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ช่วยให้ชุมชนดูโดดเด่น สวยงาม ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มดำเนินการศูนย์ดีไซน์สี ในส่วนกลุ่มออกแบบสีรถยนต์ มาแล้ว 5 ปี
"NIPPON PAINT COLOUR DESIGN CENTER ที่ตั้งขึ้นนี้ แตกต่างจากศูนย์ผสมสีทั่วไปที่ให้ลูกค้าเลือกสีตามจินตนาการ เพราะการทำงานของทีม SPACE DESIGN GROUP เริ่มต้นจากการวางแผน โดยทีมงานจะรวบรวมข้อมูลของสีให้มากที่สุด เพื่อทำการวิเคราะห์และออกแบบค้นหาสีที่ผสมผสานให้ลูกค้า โดยวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมกับตัวอาคารให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัวและมีความสวยงามที่สุด โดยตั้งงบการตลาดไว้ 350 ล้านบาท เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ศูนย์ดีไซน์สีแห่งแรกด้วย "
นอกจากการใช้กลยุทธ์เปิดตัวศูนย์ดีไซน์สีแล้ว ยังมีแผนรุกตลาดเพิ่มในส่วนของสีทาอาคารหรือสีโครงสร้างด้วย เนื่องจากปีก่อนการแข่งขันค่อนข้างแรง ในปีนี้จึงจะเพิ่มการทำการตลาดโดยใช้กิจกรรม ณ จุดขาย นอกจากนั้น ในส่วนของสีอุตสาหกรรม ซึ่งมีจุดขายในตัวเองเรื่อง ความเป็นมิตรกับผู้ใช้ เพราะใช้ได้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้นอีก
ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 22% จากปีก่อนที่มีอัตราการเติบโต 18% จากปี 2546 ซึ่งเป้าการเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจากการเปิดศูนย์ดีไซน์สีด้วย นอกจากนั้น ได้ตั้งงบการตลาด 350 ล้านบาท เพื่อทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ศูนย์ดีไซน์สีแห่งแรกด้วย
|
|
|
|
|