Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์19 สิงหาคม 2548
"โซฟี"ชูดับเบิ้ลเฟรชขายความสะดวก กระตุ้นผู้บริโภค-หวังโค่น"แคร์ฟี"             
 


   
search resources

ยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย), บจก.
Personal cares




โซฟีใส่นวัตกรรมลงแผ่นอนามัย ผุด "โซฟี ดับเบิ้ลเฟรช" แผ่นอนามัย 2 ชั้น เสนอความสะดวกให้ผู้บริโภค หวังสร้างมูลค่าและกระตุ้นการใช้งานให้มากขึ้น หลังจากประเดิมด้วยโซฟี รุ่นดีโอเฟรชเจาะหญิงไทยรักสุขภาพไปเมื่อปีก่อน ทีเด็ดครั้งนี้หวังที่จะเพิ่มความถี่การใช้งานแบบดับเบิ้ล ก่อนจะขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 แทน แคร์ฟี ภายใน 1 ปี

จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า ผู้หญิงไทยที่ใช้แผ่นอนามัยมีเพียง 40% ซึ่งในจำนวนนี้มีสัดส่วนถึง 59 % ที่มีพฤติกรรมการใช้ 1 แผ่นต่อวัน หรือเฉลี่ยหญิงไทยมีอัตราการใช้เพียง 1.5 แผ่นต่อคนต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณการใช้ที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันที่มีปริมาณการใช้ประมาณ 3-4 แผ่นต่อคนต่อวัน ส่งผลให้แนวโน้มตลาดแผ่นอนามัยในไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ปัจจุบันจะมีมูลค่าเพียง 442 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 10%ต่อปี ดังนั้นโซฟีจึงเร่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยหมายมั่นว่าจะขยายฐานผู้บริโภคและเพิ่มปริมาณการใช้ เพื่อครองความเป็นผู้นำในตลาดแผ่นอนามัยเช่นเดียวกับตลาดผ้าอนามัย

"โซฟีมีนโยบายออกสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีในตลาดมาก่อน อย่างน้อย 2 ครั้ง ในทุก 3 ปี ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการใช้และขยายฐานไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่มากขึ้น" เป็นคำกล่าวของ ทาดาชิ นาคาอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด

"โซฟี ดับเบิ้ลเฟรช" แผ่นอนามัย 2 ชั้น นวัตกรรมล่าสุดจากยูนิ-ชาร์ม ที่ชูความสะดวกสบาย (Convenient) เป็นจุดขาย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับตลาดแผ่นอนามัย โดยไทยเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีการเปิดตัวเซ็กเม้นต์นี้ เนื่องจากพบว่า สาเหตุที่ผู้หญิงไทยมีการใช้แผ่นอนามัยใน 1 วัน แค่ 1 แผ่น เพราะขาดความสะดวกในการเปลี่ยนแผ่นอนามัยในแต่ละครั้ง ซึ่งทำให้อัตราการใช้ของหญิงไทยมีน้อยกว่าผู้หญิงในญี่ปุ่นและไต้หวัน 100% จึงเป็นไปได้ว่าโซฟี ดับเบิ้ลเฟรชจะช่วยให้อัตราการใช้แผ่นอนามัยของหญิงไทยเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะเมื่อผู้บริโภคเลือกใช้แผ่นอนามัยแบบ 2 ชั้นก็เท่ากับว่าใน 1 วันต้องใช้แผ่นอนามัย 2 แผ่นโดยปริยาย

นอกจากจะเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ของผู้บริโภคแล้ว การออกนวัตกรรมใหม่ของโซฟีครั้งนี้ ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าด้วย เพราะที่ผ่านมาทั้งโซฟีและผู้เล่นรายอื่นในตลาดจะเน้นเกี่ยวกับความสะอาด ระงับการเกิดกลิ่น เช่น แคร์ฟีได้นำผลวิจัยมารับรองว่าการใช้แผ่นอนามัยไม่ก่อให้เกิดแบคทีเรีย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค หรือการอิงไปกับแฟชั่นเสื้อผ้ารองรับสไตล์การแต่งกายของผู้หญิง เช่น การเปิดตัวแผ่นอนามัยทูอินวัน ของแบรนด์โคเท็กซ์ ที่สามารถใช้ร่วมกับกางเกงชั้นในธรรมดาและแบบจี-สตริงได้ แม้แต่ผู้นำตลาดอย่างแคร์ฟีที่ออกแผ่นอนามัยสีดำ สำหรับใช้กับกางเกงชั้นในที่มีสีเข้ม ซึ่งการกำหนดราคาสินค้าก็จะไม่ต่างจากแผ่นอนามัยรุ่นอื่นๆที่มีอยู่ในตลาด เพราะไม่ใช่นวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีมากนัก อีกทั้งยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณการใช้ได้ 100% เพียงแต่เปิดโอกาสและจูงใจให้ผู้บริโภคใช้มากขึ้นเท่านั้น

ขณะที่ โซฟี ดับเบิ้ลเฟรช มีความน่าสนใจตรงที่ การนำแผ่นอนามัยมาซ้อนติดกัน 2 แผ่นโดยไม่ใช้กาว และซึมซับได้เป็นอย่างดีแม้บางเพียง 2 มิลลิเมตร ทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องความสะดวกของการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่มีแบรนด์ใดเคยทำมาก่อน เหมือนครั้งที่โซฟีเคยเปิดตัว "ดีโอเฟรช" แผ่นอนามัยที่มีสารประกอบคาเตชินจากใบชาเขียว ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดกลิ่น ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าให้สูงกว่าแผ่นอนามัยของคู่แข่ง สำหรับโซฟี ดับเบิ้ลเฟรช มีให้เลือก 3 แบบ คือ แบบมีกลิ่นหอม แบบไม่มีน้ำหอม และแบบมีคาเตชินจากใบชาเขียว โดยรุ่นมีกลิ่นหอมและไม่มีน้ำหอม ประกอบด้วยขนาด 26 ชิ้น กับ 52 ชิ้น ราคา 32 บาทและ55 บาท ตามลำดับ ส่วนรุ่นที่มีคาเตชินประกอบด้วยขนาด 10 ชิ้น 24 ชิ้น และ 48 ชิ้น ราคา 12 บาท 32 บาท และ 55 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้เมื่อเทียบกับแผ่นอนามัยธรรมดารุ่นอื่น พบว่า จะมีราคาเท่ากันหากเทียบกับจำนวนชั้น แต่จะมีราคาสูงกว่าเกือบ 100% หากเทียบเป็นจำนวนชิ้น นอกจากนี้สามารถการันตีได้อีกว่าปริมาณการใช้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หากผู้บริโภคให้การยอมรับสินค้า โดยโซฟีคาดว่าหญิงไทยจะหันมาใช้แผ่นอนามัยเพิ่มเป็น 42-43% ภายใน 1 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 40% และภายใน 5 ปี จะมีปริมาณการใช้แผ่นอนามัยเฉลี่ยวันละ 3 แผ่นต่อคน จากที่มีการใช้เพียงวันละ 1.5 แผ่นต่อคน

สำหรับ แผนการตลาด บริษัทได้ทุ่มงบ 10% ของยอดขาย เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ภายใต้แคมเปญ "โซฟี ดับเบิ้ล เฟรช ท้าให้คุณทึ่ง" พร้อมแจกสินค้าตัวอย่างจำนวน 1 ล้านชิ้น เจาะนักศึกษาและผู้หญิงวัยทำงานกลุ่มเป้าหมายหลักที่ต้องการความสะดวก ซึ่งการเปิดเซกเม้นต์ใหม่ครั้งนี้ โซฟีตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายใน 1 ปี ด้วยส่วนแบ่งตลาด 44% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 30% จากตลาดรวมแผ่นอนามัย 442 ล้านบาท ขณะที่แคร์ฟีเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบันด้วยส่วนแบ่ง 70%

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่โซฟีจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก คือ การให้ความรู้กับผู้บริโภคอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ว่า แผ่นอนามัย 2 ชั้นจะไม่เกิดความอับชื้น เพราะที่ผ่านมาความกังวลเรื่องแบคทีเรียที่เกิดจากความอับชื้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงไทยไม่นิยมใช้แผ่นอนามัย ดังนั้นหากโซฟีสามารถทำลายกำแพงความกังวลและข้อข้องใจดังกล่าวได้ เป็นไปได้ว่า ตลาดแผ่นอนามัยในไทยอาจมีโอกาสจะเติบโตเช่นเดียวกับญี่ปุ่นหรือไต้หวันที่ขณะนี้มีปริมาณการใช้สูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย ตรงกันข้ามหากไม่สามารถทำได้การถอดสินค้าออกจากตลาดก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us