กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคมและปตท.เตรียมลงนามบันทึกความเข้าใจนำร่องติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวีกับรถโดยสารประจำทางขสมก.1,000 คัน วงเงิน 600 ล้านบาทในสัปดาห์หน้า ก่อนขยายไปยังรถไฟ

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารส่วนราชการในสังกัดในช่วงเช้าวันนี้ (24 ส.ค.) ว่า ได้ให้นโยบายการเร่งรัดนำพลังงานทดแทนมาใช้ ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะการติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวีกับรถเมล์ ขสมก.จำนวน 1,000 คัน และรถไฟของ รฟท. โดยในสัปดาห์หน้าจะมีกำหนดการที่กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน เพื่อผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเห็นผลเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังได้ให้นโยบายส่วนราชการในสังกัดให้เร่งพัฒนาระบบโครงข่ายการขนส่ง หรือลอจิสติกส์ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อประหยัดการใช้พลังงานของประเทศด้วย

ด้านนายปกศักดิ์ เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า การติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวีรถเมล์ ขสมก.จำนวน 1,000 คัน จะใช้เวลาดำเนินการภายในปี 2548 ในวงเงิน 600 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าติดตั้ง ประมาณคันละ 500,000 บาท เพื่อนำมาใช้ในรถเมล์ของเขตการเดินรถที่ 1 - 2 โดยในช่วงบ่ายวันนี้ผู้บริหาร ขสมก.จะหารือร่วมกับผู้บริหารของ ปตท.เพื่อหาแนวทางว่าจะนำเงินลงทุนดังกล่าวมาจากแหล่งใด ซึ่งอาจมาจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เงินกู้ หรือเงินช่วยเหลือของ ปตท. รวมถึงจะพิจารณาเรื่องการผ่อนชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยและบริษัทที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องของเทคนิคการติดตั้งด้วย

ทั้งนี้ การติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวีในรถเมล์ของ ขสมก.จำนวน 1,000 คัน ถือเป็นโครงการนำร่อง เชื่อว่าจะช่วยให้รถเมล์แต่ละคันที่ติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี สามารถคืนทุนภายใน 2 ปี เนื่องจากเป็นพลังงานที่ต้นทุนต่ำกว่าน้ำมันดีเซลมาก ก่อนที่ ขสมก.จะทำการติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวีกับรถเมล์ทั้งหมดกว่า 3,000 คัน ภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าน้ำมันเดือนละกว่า 250 ล้านบาทได้มาก